ย้อนรำลึก ‘หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต’ พระเถราจารย์ลุ่มน้ำสะแกกรัง ผู้สร้าง ‘พระสมเด็จฟองเต้าหู้’ ในตำนาน

“หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต” หรือ “พระราชอุทัยกวี” อดีตเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี และเจ้าอาวาสวัดมณีสถิตกปิฏฐาราม (ทุ่งแก้ว) อ.เมือง จ.อุทัยธานี ท่านคือพระเถราจารย์ผู้ยิ่งใหญ่และเป็นที่เคารพศรัทธาแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง

หลวงพ่อพุฒ มีนามเดิมว่า พุฒ แจ้งอิ่ม ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2439 ณ บ้านหนองเต่า ต.ทุ่งใหญ่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี ในวัยเยาว์ ท่านต้องช่วยบิดามารดาทำนาและเลี้ยงดูน้องๆ แต่กระนั้นท่านก็มีความสนใจในทางธรรมเป็นอย่างยิ่ง

พ.ศ. 2453 บิดาได้นำท่านไปฝากกับพระสุนทรมุนี (ใจ) เจ้าอาวาสวัดมณีธุดงค์สงฆ์มูลิกาวาส เพื่อเข้ารับการศึกษา และต่อมาใน พ.ศ. 2454 ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดทุ่งแก้ว

วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2458 สามเณรพุฒได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดทุ่งแก้ว โดยมีพระสุนทรมุนี (ใจ) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “สุทัตโต”

หลังจากอุปสมบทแล้ว ใน พ.ศ. 2460 พระสุนทรมุนี (ใจ) ได้เล็งเห็นถึงแววปัญญาและความตั้งใจ จึงได้ส่งท่านไปศึกษาต่อ ณ สำนักเรียนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพมหานคร

ตลอดระยะเวลาที่ศึกษา ณ วัดมหาธาตุฯ หลวงพ่อพุฒได้ตั้งใจศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างจริงจัง โดยลำดับการศึกษาของท่านเป็นที่น่าทึ่ง:

  • พ.ศ. 2462 สอบได้นักธรรมชั้นโท
  • พ.ศ. 2463 สอบได้เปรียญธรรม 3 ประโยค
  • พ.ศ. 2464 สอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค
  • พ.ศ. 2465 สอบได้เปรียญธรรม 5 ประโยค

ในช่วงเวลานี้ ท่านยังได้รับความเมตตาอย่างสูงจาก สมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) ผู้ซึ่งเป็นชาวจังหวัดอุทัยธานีเช่นกัน โดยได้อบรมสั่งสอนและเมตตาให้ท่านได้มีโอกาสปฏิบัติรับใช้อย่างใกล้ชิด ด้วยความวิริยอุตสาหะและศีลาจารวัตรที่งดงาม ทำให้ท่านเป็นศิษย์ที่สมเด็จพระวันรัต (เฮง) เมตตาและไว้วางใจมากที่สุดรูปหนึ่ง

นอกจากจะเป็นผู้ใฝ่รู้ด้านพระปริยัติธรรมแล้ว หลวงพ่อพุฒยังมีความโดดเด่นในงานด้านการศึกษา ท่านได้ทำหน้าที่เป็นครูสอนบาลีและธรรมวินัยในสำนักเรียนต่างๆ ดังนี้:

  • พ.ศ. 2464 เป็นครูสอนบาลีไวยากรณ์ สำนักเรียนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ จ.พระนคร
  • พ.ศ. 2466 เป็นครูสอนธรรมวินัยและบาลี สำนักเรียนวัดหนองขุนชาติ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี
  • พ.ศ. 2469 เป็นครูสอนธรรมวินัยและบาลี สำนักเรียนวัดทุ่งแก้ว อ.เมือง จ.อุทัยธานี
  • พ.ศ. 2478 เป็นเจ้าสำนักเรียนคณะจังหวัดอุทัยธานี

นอกเหนือจากพระปริยัติธรรมและงานด้านการศึกษา ท่านยังสนใจการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน ในปี พ.ศ. 2496 ท่านได้ไปศึกษาการปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานกับ พระภัททันตะ อาสภเถระ พระชาวพม่าผู้ทรงคุณ ซึ่งได้นำความรู้มาอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ในประเทศไทย และหลวงพ่อพุฒก็ได้นำความรู้นี้มาสอนตั้งแต่ พ.ศ. 2497 เป็นต้นมา รวมถึงได้จัดตั้ง วิปัสสนามูลนิธิ วัดมณีสถิตกปิฏฐาราม ขึ้น เพื่อเผยแผ่การปฏิบัติด้านนี้ ท่านเป็นผู้ที่ปฏิบัติอย่างจริงจังมาก บางครั้งเข้ากุฏิปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อเนื่องนานถึง 1-2 วัน โดยไม่ออกมาฉันภัตตาหารเลย

ในด้านงานปกครองคณะสงฆ์ ท่านได้รับตำแหน่งสำคัญตามลำดับ:

  • พ.ศ. 2469 เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดทุ่งแก้ว
  • พ.ศ. 2471 เป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งแก้ว
  • พ.ศ. 2476 เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี และเป็นพระอุปัชฌาย์
  • พ.ศ. 2478 เป็นเจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี

ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์หลายครั้ง:

  • พ.ศ. 2476 เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ ในราชทินนาม พระครูศรีรัตนาภิรม
  • พ.ศ. 2478 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระสุนทรมุนี
  • พ.ศ. 2500 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชอุทัยกวี

นอกจากนี้ หลวงพ่อพุฒยังมีความสนใจศึกษาด้านวิทยาคม ท่านได้แสวงหาและศึกษาจากพระเกจิอาจารย์ผู้มีวิทยาคุณหลายท่าน อาทิ พระธรรมไตรโลกาจารย์ (ยอด) วัดเขาแก้ว, หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ, หลวงพ่อสิน วัดหนองเต่า, หลวงพ่อพลอย วัดห้วยขานาง, หลวงพ่อจิ๋ว วัดโนนเหล็ก, พระวิบูลวชิรธรรม วัดท่าพุทรา เป็นต้น

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อพุฒเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง คือการจัดสร้าง “พระเนื้อผงพุทธคุณ” รุ่นแรกขึ้น ในช่วงปี พ.ศ. 2502 ท่านได้ใช้ผงพุทธคุณที่เกิดจากการจารอักขระเลขยันต์แล้วลบผงจากกระดานชนวน มาเป็นส่วนผสมหลัก และทำการปลุกเสกเดี่ยวด้วยตัวท่านเอง

พระผงรุ่นนี้ เป็นที่รู้จักกันในนาม “พระสมเด็จหลวงพ่อพุฒ ฟองเต้าหู้” เนื่องจากเนื้อพระมีความฟูเด่นชัดคล้ายฟองเต้าหู้ แบ่งออกเป็น 4 พิมพ์หลัก คือ พิมพ์พิเศษ (ขนาดใหญ่กว่าปกติ), พิมพ์ใหญ่, พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก ลักษณะเป็นพิมพ์ทรงสี่เหลี่ยม องค์พระประทับนั่งสมาธิบนอาสนะฐานสามชั้น มีซุ้มโค้งเป็นเรือนแก้วแบบเส้นลวดโดยรอบ คล้ายพระพิมพ์สมเด็จทั่วไป มีหูแบบบายศรี ส่วนด้านหลังเรียบว่างเปล่า

พระรุ่นนี้สร้างจำนวนไม่มากนัก ทำให้ปัจจุบันค่อนข้างหาได้ยากยิ่ง ถือเป็นพระผงพุทธคุณรุ่นแรกของท่าน ที่มีผู้ที่นำไปบูชาแล้วได้รับประสบการณ์มากมาย เป็นที่ประจักษ์ในพุทธคุณ

แม้แต่เซียนพระชื่อดังหลายท่านในเมืองอุทัยธานี ยังกล่าวยืนยันอย่างมั่นใจว่า “บนคอ มีหลวงพ่อพุฒองค์เดียว” คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นและประสบการณ์ที่ผู้บูชาได้รับจากพระเครื่องของท่านได้อย่างชัดเจน

หลวงพ่อพุฒ สุทัตโต ได้มรณภาพอย่างสงบ ภายในกุฏิสุนทรประมุข เมื่อวันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2533 เวลาประมาณ 10.00 น. ขณะที่ท่านกำลังปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน หลังจากฉันภัตตาหารเช้า สิริอายุ 95 ปี พรรษา 75

แม้ท่านจะจากไปแล้ว แต่คุณงามความดี ประวัติ และพระเครื่องที่ท่านสร้างขึ้น ยังคงเป็นที่กล่าวขานและเคารพศรัทธาอย่างไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะ “พระสมเด็จฟองเต้าหู้” ที่ยังคงเป็นสุดยอดปรารถนาของนักสะสมและผู้ศรัทธา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *