อ่างทอง – พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ กิตติจิตโต หรือ หลวงพี่น้ำฝน รักษาการเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง จ.นครปฐม พร้อมคณะสงฆ์ ได้เมตตาเดินทางไปที่เรือนจำจังหวัดอ่างทอง เพื่อจัดกิจกรรมเนื่องในวันสงกรานต์ประจำปี 2568 หรือปีใหม่ไทย โดยมีเป้าหมายหลักคือการมอบโอกาสและขัดเกลาจิตใจผู้ต้องขังให้สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ตั้งแต่อยู่ภายในเรือนจำ

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นอย่างอบอุ่นและมีความหมาย มีนายธิตินัย พาติกบุตร ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดอ่างทอง พร้อมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ถวายการต้อนรับ ในวันนี้ ผู้ต้องขังกว่า 1,350 คนในเรือนจำจังหวัดอ่างทอง ได้มีโอกาสพิเศษในการทำบุญตักบาตรร่วมกับคณะสงฆ์ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ไม่สามารถทำได้ง่ายนักในพื้นที่ควบคุม ผู้ต้องขังได้เข้าแถวอย่างเป็นระเบียบและร่วมกันใส่บาตรพระสงฆ์อย่างตั้งใจ เนื่องในเทศกาลปีใหม่ไทย

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่สร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมกำลังใจและความสามารถของผู้ต้องขัง โดยผู้ต้องขังได้ร่วมกันร้องเพลง “อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้” ซึ่งเป็นเพลงที่มีเนื้อหาให้กำลังใจผู้ที่กำลังรับโทษและเผชิญความยากลำบากในชีวิต และยังมีการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอ (MV) เพื่อเผยแพร่ความสามารถในการร้องเพลงประสานเสียงของผู้ต้องขัง เป็นการแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมเชิงบวกที่เกิดขึ้นภายในเรือนจำ

หัวใจสำคัญของกิจกรรมในวันนี้ คือการบรรยายธรรม โดยหลวงพี่น้ำฝนได้นิมนต์พระสงฆ์รูปหนึ่งจากวัดไผ่ล้อม ซึ่งมีเรื่องราวชีวิตที่เป็นอุทาหรณ์และเป็นแรงบันดาลใจอย่างยิ่งมาบรรยายธรรมให้กับผู้ต้องขังได้ฟัง พระสงฆ์รูปนี้เคยหลงผิดเข้าสู่เส้นทางยาเสพติด ทั้งในฐานะผู้ค้าและผู้เสพ อีกทั้งยังเคยก่อคดีฆ่าคนตาย และต้องโทษในเรือนจำมาแล้วถึง 5 ครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจบวชเพื่อศึกษาพระธรรมอย่างจริงจัง

เรื่องราวของท่านแสดงให้เห็นว่า แม้จะเคยผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิต แต่ด้วยการใช้หลักพระธรรมคำสั่งสอนมาปฏิบัติและปรับใช้ ท่านสามารถกลับตัวกลับใจได้อย่างเด็ดเดี่ยว ไม่กลับไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดอีก และสามารถเข้าใจถึงความหมายของชีวิตที่แท้จริงได้ ปัจจุบัน ท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นพระครู และใช้ประสบการณ์ตรงของตนเองในการบรรยายธรรม เพื่อสอนและเป็นแนวทางป้องกันไม่ให้ผู้อื่นหลงกระทำความผิดซ้ำรอยเดิม การนำประสบการณ์จริงมาถ่ายทอดให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำจังหวัดอ่างทอง จึงเป็นสิ่งที่ทรงพลังและเข้าถึงจิตใจผู้ฟังได้อย่างลึกซึ้ง

หลวงพี่น้ำฝนได้กล่าวถึงความสำคัญของการจัดกิจกรรมครั้งนี้ว่า เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานของหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะเรือนจำ ซึ่งท่านมองว่าผู้ต้องขังนั้นมีโอกาสน้อยกว่าคนภายนอกมาก แต่ในจำนวนนี้มีผู้ต้องขังอีกมากที่มีความรู้ความสามารถ เพียงแต่อาจจะเคยหลงผิด การนำศาสนาเข้ามาช่วยปรับจิตใจจะช่วยให้พวกเขาสามารถนำหลักธรรมมาปรับใช้ในช่วงที่ถูกควบคุมตัว และเมื่อพ้นโทษออกไป จะมีภูมิคุ้มกันในการไม่กลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก

“ภาพที่เห็นคือเขาดีใจ เขาตั้งใจและอยากทำบุญหลายคน ยิ่งเมื่อได้มานั่งพูดคุยกันแล้วถ้าเราทำให้เขาศรัทธาและให้โอกาสกับเขา ก็จะทำให้เขาเริ่มคิดดีและเริ่มต้นทำดีได้ทันที แม้จะไร้อิสรภาพแต่เขามีอิสระทางการคิดเริ่มต้นที่จะวางชีวิตใหม่ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอถึงวันที่ปลดปล่อยออกมา” หลวงพี่น้ำฝนกล่าวและย้ำว่า วัดไผ่ล้อมพร้อมทำหน้าที่ด้านสาธารณสงเคราะห์เพื่อช่วยเหลือสังคมให้มีความสงบสุข เช่นเดียวกับโครงการอื่นๆ ที่ผ่านมา

กิจกรรมทำบุญตักบาตรและบรรยายธรรมในเรือนจำครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็นการส่งมอบความสุขในเทศกาลสงกรานต์ แต่ยังเป็นการจุดประกายความหวังและมอบแนวทางให้ผู้ต้องขังได้ใช้หลักธรรมนำทางชีวิต เพื่อเตรียมพร้อมกลับคืนสู่สังคมในฐานะพลเมืองที่ดีต่อไป