ลิเวอร์พูล ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2024-25 ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ภายใต้การคุมทัพของกุนซือคนใหม่ชาวดัตช์ อาร์เนอ ชล็อต หลังจากเปิดบ้านเอาชนะ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ไปด้วยสกอร์ 5-1 ในเกมที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา

ชัยชนะในเกมสำคัญนี้ ส่งผลให้พลพรรคหงส์แดงมีคะแนนสะสมทิ้งห่าง อาร์เซนอล ทีมอันดับสองของตารางไปถึง 15 คะแนน ขณะที่เหลือโปรแกรมการแข่งขันเพียง 4 นัด ทำให้ ลิเวอร์พูล การันตีตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุดทันที ถือเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ในประวัติศาสตร์ของสโมสร และเป็นแชมป์รายการแรกของ อาร์เนอ ชล็อต กับทีม

หลังพาทีมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ได้สำเร็จ อาร์เนอ ชล็อต ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึก โดยกล่าวว่า “เป้าหมายหลักของเราคือการคว้าชัยชนะในเกมนี้ ทุกคนอาจจะบอกว่าพวกเราได้แชมป์ไปแล้ว แต่เรายังคงรู้สึกถึงความกดดันในการเก็บสามแต้มเพื่อข้ามเส้นไปให้ได้”

“เกือบตลอดทั้งฤดูกาล เรายืนหยัดเป็นจ่าฝูงของลีก และแสดงให้เห็นว่าเป็นทีมที่มีศักยภาพในการเป็นแชมป์ เรารู้ดีว่าพรีเมียร์ลีกเป็นลีกที่ยากลำบากแค่ไหน แต่เรามีความเชื่อมั่นในตัวเองเสมอว่าจะสามารถคว้าแชมป์มาครองได้”

กุนซือวัย 45 ปี ยังได้กล่าวถึงผู้มาก่อนอย่าง เจอร์เกน คล็อปป์ และ เป๊ป ลินจ์เดอร์ส ว่า “งานที่ เจอร์เกน คล็อปป์ และ เป๊ป ลินจ์เดอร์ส ได้สร้างและทิ้งไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมองค์กร, การทำงานหนัก, และคุณภาพของทีม ล้วนเป็นสิ่งที่โดดเด่นและยอดเยี่ยมมาก เราเริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างแข็งแกร่ง และบางทีอาจต้องยอมรับว่าผลงานที่ไม่ดีนักของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มีส่วนช่วยเราอยู่บ้าง”

ชล็อต ยังเสริมถึงการตั้งเป้าหมายของทีมในช่วงเริ่มต้นฤดูกาลว่า “ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล เราคิดว่าแค่การจบในอันดับท็อปโฟร์ก็น่าจะเพียงพอและทำให้ทุกคนมีความสุขแล้ว แต่เมื่อได้เห็นศักยภาพและผลงานของนักเตะตลอดฤดูกาล ผมไม่คิดว่าการตั้งเป้าแค่ท็อปโฟร์จะยุติธรรมกับพวกเขา เพราะพวกเขามีดีมากกว่านั้น และพวกเขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วในฤดูกาลนี้”

นอกจากนี้ การคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งนี้ยังมีความหมายพิเศษสำหรับตัว อาร์เนอ ชล็อต เอง เนื่องจากเขาคือกุนซือชาวดัตช์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่สามารถพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้สำเร็จ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า “มันเป็นเรื่องที่พิเศษเสมอเมื่อคุณคว้าชัยชนะหรือความสำเร็จบางอย่างได้ และมันยิ่งพิเศษขึ้นไปอีกเมื่อคุณเป็นคนแรกที่ทำได้”

ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจของสโมสรและแฟนบอลลิเวอร์พูล แต่ยังเป็นการพิสูจน์ฝีมือของ อาร์เนอ ชล็อต ในฐานะกุนซือคนใหม่ที่เข้ามาสานต่อตำนานได้อย่างงดงาม