ช็อก! ฟ้าผ่าควายตาย 4 ตัว ที่อุทัยธานี สูญเกือบล้าน ปศุสัตว์เตือนห้ามนำซากชำแหละเด็ดขาด
อุทัยธานี – เกิดเหตุการณ์สุดเศร้าสลดที่จังหวัดอุทัยธานี เมื่อฟ้าผ่าฝูงควายของเกษตรกร ทำให้ควายตัวเมียเสียชีวิตพร้อมกันถึง 4 ตัว สร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าเกือบหนึ่งล้านบาท เจ้าของสุดช็อก ไม่รู้เรื่องขณะเกิดเหตุ เพิ่งมาพบตอนเช้า ขณะที่ปศุสัตว์อำเภอทัพทันได้เร่งเข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมออกคำเตือนห้ามนำซากควายไปชำแหละหรือรับประทานเพื่อความปลอดภัย
รายงานข่าวเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ที่บริเวณบ้านเขาขี้ฝอย ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างหมู่ที่ 6 และหมู่ที่ 3 ตำบลทุ่งนาไท อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวได้เข้าพูดคุยกับนายปราโมทย์ สายเพ็ชร์ อายุ 78 ปี เจ้าของควายที่ประสบเหตุ
นายปราโมทย์ เล่าด้วยความเสียใจว่า ตนเลี้ยงควายไว้ทั้งหมด 26 ตัว ปกติช่วงเช้าประมาณ 06.00 น. จะเดินจากบ้านมาที่คอกเพื่อปล่อยควายออกไปหากิน แต่เช้าวันนี้เมื่อมาถึงคอกก็ต้องตกใจสุดขีด เมื่อพบควายตัวเมียนอนตายเกลื่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ถึง 4 ตัว
สภาพควายที่พบมีลักษณะตัวเกร็ง ท้องป่อง มีอุจจาระคาอยู่ที่รูทวาร และตาไม่หลับทุกตัว ใกล้เคียงกันยังพบซากนกนอนตายอยู่ 1 ตัว ด้วยสภาพการณ์เช่นนี้ ทำให้คาดการณ์ได้ว่าน่าจะเกิดจากเหตุการณ์ฟ้าผ่ารุนแรงในช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ (วันที่ 16 พฤษภาคม 2568) ประมาณ 18.00 น.
นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า ช่วงเย็นเมื่อวานมีฝนตกลงมาและได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นหลายครั้ง แต่ตนก็ไม่ได้เอะใจและไม่ได้เดินมาดูที่คอกควาย จนกระทั่งมาถึงช่วงเช้าวันนี้ในจังหวะที่จะมาปล่อยควาย จึงได้พบว่าควายทั้ง 4 ตัวเสียชีวิตแล้ว ความสูญเสียครั้งนี้นับว่ามหาศาล เพราะควายตัวเมียหนึ่งในนั้นชื่อว่า ‘เจ้าแบม’ มีราคาสูงถึง 250,000 บาท ส่วนอีก 3 ตัวที่เหลือก็มีราคาหลักแสนบาทเช่นกัน รวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดเหยียบหนึ่งล้านบาทเลยทีเดียว นายปราโมทย์ยังกล่าวติดตลกปนความเคร้าว่า หากตนอยู่ด้วยในช่วงที่ฟ้าผ่าเมื่อวานนี้ ก็คาดว่าน่าจะไม่รอดเช่นกัน
ทางด้านนายสรายุทธ วรรณสูตร ปศุสัตว์อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ได้เดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อประเมินสถานการณ์และให้คำแนะนำ โดยเปิดเผยว่า จากการสอบถามเจ้าของควายและสภาพที่พบในเบื้องต้น คาดว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากฟ้าผ่าจริง แต่ก็จำเป็นต้องมีการตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียดอีกครั้ง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการเจาะเลือดจากซากควายไปตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันสาเหตุที่ชัดเจน
นายสรายุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดและกรมปศุสัตว์ เพื่อเร่งหาแนวทางในการเข้าช่วยเหลือเยียวยาแก่เกษตรกรเจ้าของควายที่ได้รับความสูญเสียในครั้งนี้ ส่วนซากควายทั้ง 4 ตัวนั้น ขอแนะนำให้เกษตรกรดำเนินการฝังกลบในดินโดยเร็วที่สุด และที่สำคัญคือไม่ควรนำซากควายดังกล่าวไปชำแหละเพื่อประกอบอาหารหรือนำไปรับประทานโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อสุขภาพและความปลอดภัยไว้ก่อน