เอาแล้ว! ‘กุสุมาลวตี’ บุก กกต. ยื่นยุบ ‘ภูมิใจไทย’ ปมฮั้ว สว. ชี้หลักฐานมัด ‘อนุทิน-ไชยชนก’ แน่น

กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 เวลา 11.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสาวกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้เดินทางเข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. เพื่อขอให้พิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งยุบพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างว่าพรรคภูมิใจไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสมยอมหรือฮั้วกันในการเลือก สว. ที่กำลังจะมีขึ้นในปี 2567

นางสาวกุสุมาลวตี เปิดเผยว่า ตนมีหลักฐานการกระทำความผิดที่เข้าข่ายทั้งความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร และพฤติการณ์ทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการเลือก สว. โดยเฉพาะที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดตั้งบุคคลเพื่อลงสมัคร สว. นอกจากนี้ ยังพบเส้นทางการเงินที่เป็นหลักฐานการโอนเงิน โดยกล่าวอ้างว่าระบบคอมพิวเตอร์ขั้นสูงสามารถตรวจจับและเชื่อมโยงเส้นทางการเงินเหล่านี้ได้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม นางสาวกุสุมาลวตี ระบุว่าจะยังไม่นำหลักฐานทั้งหมดมายื่นในทันที เนื่องจากเกรงว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในองค์กรต่างๆ ได้รับทราบข้อมูลก่อน แต่ยืนยันว่าหาก กกต. เรียกตนเข้าชี้แจงเมื่อใด ตนพร้อมที่จะนำหลักฐานทั้งหมดมามอบให้ในทันที

นอกจากนี้ เธอยังกล่าวถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างว่ามีหลักฐานว่าภายหลังกระบวนการเลือก สว. เสร็จสิ้นลง นายอนุทินได้เรียกกลุ่ม สว. ที่คาดว่าเกี่ยวข้องกับพรรค ให้ไปพบที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรางน้ำ เพื่อให้เขียนใบลาออกเป็นหลักการ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบุคคลเหล่านี้จะต้องอยู่ภายใต้การสั่งการของพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างว่ามีนางสุขสำรวย วันทนียกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดอำนาจเจริญ ของพรรคภูมิใจไทย อยู่ในเหตุการณ์ด้วย

นางสาวกุสุมาลวตี ยืนยันว่ามีทั้งภาพถ่ายขณะ สว. กำลังเขียนใบลาออก และคลิปเสียงประกอบ ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจนและแน่นหนามาก เธอกล่าวอย่างมั่นใจว่าหากหลักฐานไม่ชัดเจนจริง ตนคงไม่กล้าออกมาเปิดหน้าชนเช่นนี้ พร้อมกันนี้ เธอยังเตรียมที่จะขอความคุ้มครองพยานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และไม่เกรงกลัวต่อการที่พรรคภูมิใจไทยจะดำเนินการฟ้องร้อง

ในตอนท้าย นางสาวกุสุมาลวตี กล่าวว่า การกระทำครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความโกรธแค้นส่วนตัว แต่เป็นเพราะเห็นกระบวนการที่เกิดขึ้นมีความอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและคุณธรรม โดยเห็นว่ากระบวนการเลือกกรรมการองค์กรอิสระที่กำลังจะมีขึ้น อาจได้รับผลกระทบ หาก สว. ที่มาจากการฮั้วฟังคำสั่งของบางสีบางกลุ่ม ซึ่งจะส่งผลเสียต่ออนาคตของประเทศและกระบวนการยุติธรรม โดยยกตัวอย่างคดีสำคัญในอดีต เช่น คดีเขากระโดง คดีรุกที่เขาใหญ่ หรือการก่อสร้างรัฐสภาที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งอาจไม่สามารถเอาผิดผู้กระทำผิดได้หากองค์กรอิสระตกอยู่ภายใต้การครอบงำ

เธอยืนยันว่าตนไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในการเลือก สว. ต่อให้การเลือกครั้งนี้เป็นโมฆะ ตนก็ไม่ต้องการกลับไปต่อสู้เพื่อเป็น สว. อีก แต่จะต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้กลุ่มบุคคลเหล่านี้รู้ว่ายังมีคนไทยที่พร้อมจะยืนหยัดเพื่อประชาชน

นางสาวกุสุมาลวตี ยังกล่าวถึงการที่หัวหน้าพรรคบางพรรคอาจมีการกระทำผิดในการสั่งการให้นายอำเภอ ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งระดับอำเภอ รับผู้สมัครที่ไม่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนด ทำให้ผู้สมัครที่มีคุณสมบัติดีถูกกีดกันออกไป โดยอ้างว่ากระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้นายอำเภอเซ็นรับรองบุคคลเหล่านี้ล่วงหน้า ซึ่งกระบวนการเช่นนี้เป็นการท้าทายกฎหมายและทำลายประชาธิปไตย เธอยังกล่าวพาดพิงถึงบุตรชายของบุคคลบางคนว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนี้ โดยมีเส้นทางการเงินที่มองเห็นได้ชัดเจน

จากหลักฐานที่มีอยู่มากมาย ทั้งพฤติกรรมที่ส่อแสดงถึงความรู้เห็นและการบงการกระบวนการเลือก สว. ของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นางสาวกุสุมาลวตี จึงเห็นว่าสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องยุบพรรคภูมิใจไทย และสมควรที่จะให้การเลือก สว. ครั้งนี้เป็นโมฆะ โดยเปรียบเทียบกับกรณีในอดีตที่เคยมีการจ้างพรรคเล็กมาลงสมัคร หรือการจัดคูหาเลือกตั้งไม่ถูกต้อง ซึ่งยังทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ การกระทำผิดในครั้งนี้ถือว่าร้ายแรงกว่ามาก เธอจึงตัดสินใจต่อสู้เรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าหากองค์กรอิสระทั้ง 7 องค์กรตกอยู่ภายใต้การครอบงำของบางพรรคบางกลุ่ม อนาคตของประเทศไทยจะน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *