นวัตกรรม ‘QBEANS’ จาก มก. กำแพงแสน สร้างชื่อระดับโลก คว้า 2 รางวัลสิ่งประดิษฐ์นานาชาติ เจาะลึกสารกำจัดด้วงธรรมชาติจากเปลือกหอย ทางเลือกใหม่เกษตรอินทรีย์
กรุงเทพฯ – ผลงานวิจัยและนวัตกรรมของนักวิชาการไทยสร้างชื่อเสียงระดับโลกอีกครั้ง เมื่อนวัตกรรม “QBEANS: สารป้องกันและกำจัดด้วงเพื่อเพิ่มผลผลิตเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง” โดย ดร.ดวงทิพย์ กันฐา นักวิชาการเกษตร ชำนาญการ ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และคณะ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ 2 รางวัล จากการประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมระดับนานาชาติ “The 50 International Exhibition of Inventions Geneva” ซึ่งจัดขึ้น ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 9-13 เมษายน พ.ศ. 2568.
นวัตกรรม QBEANS คว้ารางวัลมาครองถึง 2 รายการ ได้แก่ รางวัลเหรียญเงิน (Silver Medal) ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงคุณภาพและความโดดเด่นของผลงาน และ รางวัล Special Prizes จาก Saudi Arabia (Technical and Vocational Training Coperation) สะท้อนถึงศักยภาพในการนำไปใช้ประโยชน์และการยอมรับในระดับสากล.
QBEANS คืออะไร? นวัตกรรมสารกำจัดแมลงจากธรรมชาติ 100%
QBEANS เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่คิดค้นขึ้นเพื่อแก้ปัญหาแมลงศัตรูพืชในกลุ่มด้วงที่เข้าทำลายพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะ coffee cherry และ coffee beans ด้วยกลไกการทำงานที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม.
นวัตกรรมนี้ใช้กระบวนการทางกายภาพในการกำจัดแมลง โดยมีสารออกฤทธิ์หลักคือ ผงแคลเซียมคาร์บอเนตแบบแผ่น ที่แปรรูปมาจาก เปลือกหอยแมลงภู่ ผงดังกล่าวมีลักษณะเป็นแผ่นแบนขนาดเล็กมาก (3–5 ไมโครเมตร หนา 200–400 นาโนเมตร) มีขอบแหลมคม เมื่อแมลงเคลื่อนไหว ผงเหล่านี้จะไปสร้างบาดแผลที่ผิวหนังอ่อนบริเวณรอยต่อของจุดเคลื่อนไหว ทำให้แมลงบาดเจ็บ สูญเสียน้ำ และตายในที่สุด.
ความพิเศษอยู่ที่กระบวนการแปรรูปเปลือกหอยที่พัฒนาขึ้น ซึ่งใช้ความร้อนและกลไกในการเปลี่ยนโปรตีนเชื่อมประสานในเปลือกหอยให้กลายเป็นอนุภาคคาร์บอนที่ช่วยให้ผงแคลเซียมคาร์บอเนตเกาะติดแน่นบนพื้นผิวของแมลงที่มีไขมันได้ดี แต่สามารถหลุดออกจากผิวเมล็ดกาแฟ (coffee beans) ได้ง่ายเพียงแค่การเขย่าหรือเป่าด้วยแรงลม.
นอกจากนี้ กระบวนการแปรรูปเปลือกหอยยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่สร้างของเสีย และใช้อุณหภูมิต่ำ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเกษตรกรรมยั่งยืน.
ตอบโจทย์เกษตรอินทรีย์ ยั่งยืน ปลอดภัยทั้งคนและสิ่งแวดล้อม
ดร.ดวงทิพย์ กันฐา กล่าวถึงแรงบันดาลใจในการพัฒนานวัตกรรมนี้ว่า QBEANS ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์เกษตรกรที่ทำเกษตรแบบอินทรีย์ ซึ่งมักประสบปัญหาในการกำจัดแมลงปีกแข็งที่ดื้อยาและควบคุมได้ยาก ด้วยการเป็นสารกำจัดแมลงจากธรรมชาติ 100% ที่มาจากเปลือกหอยแมลงภู่เพียงอย่างเดียว ทำให้ QBEANS เป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับเกษตรอินทรีย์.
ผลการนำ QBEANS ไปทดลองใช้ในแปลงปลูกกาแฟอาราบิก้าแบบอินทรีย์ที่บ้านขุนลาว จ.เชียงราย และแปลงมะยงชิดที่วังกระโจม จ.นครนายก พบว่าเกษตรกรพอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถกำจัดแมลงศัตรูพืชกลุ่มด้วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และที่สำคัญที่สุดคือ เกษตรกรรู้สึกมั่นใจในความปลอดภัย เพราะเป็นสารจากธรรมชาติ 100% ไม่มีสารพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อมและในผลผลิตที่เก็บเกี่ยว.
“แปลงปลูกพืชเหล่านี้ตั้งอยู่ใกล้บ้านเรือนเกษตรกร ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก” ดร.ดวงทิพย์ กล่าวเสริม “ผลผลิตที่อาจมีผง QBEANS ปนเปื้อน สามารถล้างออกด้วยน้ำก็ปลอดภัยแล้ว ทำให้เกษตรกรใช้ได้อย่างสบายใจ นอกจากนี้ ยังช่วยให้เกษตรกรสามารถขายผลผลิตคุณภาพสูงที่ปลอดภัยจากสารเคมีในราคาที่เหมาะสม ผู้บริโภคก็ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ และระบบการผลิตก็เอื้อต่อการสร้าง sustainable ecosystem (ระบบนิเวศที่ยั่งยืน) ในการผลิตเมล็ดกาแฟ”
ใช้งานง่าย หลากหลายพืชผล
การใช้งาน QBEANS ทำได้สะดวกและไม่ซับซ้อน สามารถใช้ในอัตราส่วน 1 กรัมต่อเมล็ดพืช 100 กรัม เพื่อกำจัดแมลงศัตรูในโรงเก็บ เช่น ด้วงกะลากาแฟ โดยแมลงจะเริ่มตายภายใน 1 ชั่วโมง และตายหมดภายใน 12 ชั่วโมง หรือใช้ในอัตราส่วน 250 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร เพื่อฉีดพ่นกำจัดมอดกาแฟ และแมลงปีกแข็งอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัยไร้สารเคมีตกค้าง สามารถฉีดพ่นต่อเนื่องได้โดยไม่เป็นอันตรายกับพืช และใช้ได้กับพืชหลากหลายชนิดที่มีปัญหาจากแมลงปีกแข็ง (Coleoptera) เช่น มะเขือ, กวางตุ้ง, คะน้า, ไม้ผลอย่างมะยงชิด, เมล่อน, ฝรั่ง และไม้ดอกต่างๆ เช่น บานบุรี, เล็บมือนาง.
“คณะผู้วิจัยขอฝาก QBEANS สารกำจัดแมลงผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ ผลงานซึ่งได้รับทุนอุดหนุนวิจัยจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ไว้เป็นทางเลือกหนึ่งเพื่อใช้ในระบบการปลูกพืช เพื่อสุขภาพของเกษตรกรและผู้บริโภค ตลอดจนความปลอดภัยที่ยั่งยืนในสภาพแวดล้อมของชุมชนค่ะ” ดร.ดวงทิพย์ ทิ้งท้าย.
ผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดการใช้งานเพิ่มเติม สามารถติดต่อ ดร.ดวงทิพย์ กันฐา ได้ที่ โทรศัพท์/Line ID: 0899827278 หรือ Email: agrdtk@ku.ac.th.