รอผลตรวจยืนยัน! กรมอนามัยเตือน ‘แม่น้ำกก’ ยังไม่ปลอดภัย ห้ามใช้น้ำโดยตรง ชี้เฝ้าระวังเข้มข้นทั้งสุขภาพ-สิ่งแวดล้อม
กรมอนามัย ออกประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำกกโดยตรง จนกว่าจะได้รับผลการตรวจยืนยันว่าไม่พบสารหนูและตะกั่วเกินมาตรฐาน พร้อมยืนยันได้เร่งดำเนินการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น ทั้งในด้านสุขภาพประชาชน คุณภาพน้ำอุปโภคบริโภค และสิ่งแวดล้อม เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่.
เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2568 แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ร่วมกับคณะผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์การปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกก อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา ว่า กรมอนามัยได้ดำเนินการเฝ้าระวังประเด็นการปนเปื้อนสารหนูในแหล่งน้ำอย่างใกล้ชิด โดยเน้นการดำเนินงานใน 3 ด้านหลัก คือ
1. การเฝ้าระวังด้านสุขภาพประชาชน: ได้ดำเนินการคัดกรองสุขภาพและตรวจร่างกายเบื้องต้นในประชาชนพื้นที่อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจากการตรวจเบื้องต้นยังไม่พบอาการผิดปกติที่ชัดเจนจากการได้รับพิษจากสารหนูหรือตะกั่ว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ได้มีการเก็บตัวอย่างปัสสาวะของกลุ่มตัวอย่างประชาชนในพื้นที่เพื่อส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อยืนยันปริมาณสารหนูในร่างกาย ซึ่งคาดว่าจะทราบผลภายในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์
2. การเฝ้าระวังคุณภาพน้ำประปาและน้ำบริโภค: ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ตรวจคุณภาพน้ำประปาของหมู่บ้านจำนวน 9 แห่งในอำเภอแม่อาย และจากการตรวจวิเคราะห์ไม่พบการปนเปื้อนสารหนูและตะกั่วเกินกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ นอกจากนี้ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้ทำการตรวจยืนยันคุณภาพน้ำประปาที่ผลิตและจ่ายในพื้นที่อำเภอแม่อายเช่นกัน และผลการตรวจก็ไม่พบทั้งสารหนูและตะกั่วที่เกินมาตรฐานเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ กรมอนามัยจะมีการสุ่มตรวจน้ำอุปโภคบริโภคในครัวเรือนของประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่อายอีกครั้งเพื่อความครอบคลุม
3. การเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมและความร่วมมือระหว่างประเทศ: ได้มีการเก็บตัวอย่างน้ำจากแม่น้ำกกใน 3 จุดสำคัญ โดยความร่วมมือระหว่างศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ 1 และสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 เชียงใหม่ เพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์ยืนยันปริมาณโลหะหนักที่อาจปนเปื้อนอีกครั้ง ควบคู่ไปกับการประสานงานด้านความร่วมมือระหว่างประเทศ ผ่านกรมกิจการชายแดนทหาร ซึ่งจะใช้กลไกความร่วมมือชายแดน เพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดมลพิษที่อาจมาจากพื้นที่ชายแดน ผ่านคณะกรรมการระดับสูง (High level committee)
ด้าน นายแพทย์ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนในพื้นที่ โดยขอความร่วมมือประชาชนดังนี้
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำจากแม่น้ำกกโดยตรง ทั้งการดื่ม การอาบ หรือการใช้อื่นๆ จนกว่าผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการจะยืนยันว่าไม่พบสารหนูและตะกั่วเกินมาตรฐาน เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว
- เฝ้าระวังสุขภาพตนเองและบุคคลในครอบครัว หากมีอาการที่สงสัยว่าจะเกิดจากการได้รับพิษจากสารหนูและตะกั่ว เช่น ผิวหนังเป็นจุดคล้ำหรือหนาขึ้น อาการทางระบบประสาท หรือปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร
- ดูแลจัดการน้ำอุปโภคบริโภคในครัวเรือนให้มีความปลอดภัย เช่น การกรองน้ำเพิ่มเติมเพื่อลดความขุ่น และการเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำดื่ม
กรมอนามัยยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการเฝ้าระวังและสื่อสารให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนกว่าสถานการณ์การปนเปื้อนสารหนูในแหล่งน้ำจะเข้าสู่ภาวะปกติและปลอดภัยสำหรับประชาชน.
ทั้งนี้ มีรายงานก่อนหน้านี้ว่า ตรวจพบสารหนูเกินมาตรฐานใน ‘แม่น้ำกก’ และมีการเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำ รวมถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่จังหวัดเชียงรายได้เรียกร้องให้รัฐบาลสร้างระบบเตือนภัยสำหรับแม่น้ำกก ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายเตรียมตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน.