คลัง เตรียมชงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ทบทวนแผนใช้งบ 1.57 แสนล้าน รับมือภาษีสหรัฐฯ ลุ้นเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3-4
กรุงเทพฯ – กระทรวงการคลังเตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ เพื่อพิจารณาทบทวนแผนการใช้งบประมาณจำนวน 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งเดิมเตรียมไว้สำหรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3 และเฟส 4 โดยจะมีการปรับแผนเพื่อรองรับมาตรการดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา รวมถึงการลงทุนต่างๆ ทำให้ต้องจับตาว่าจะยังเหลือวงเงินสำหรับเงินดิจิทัลเฟสที่เหลือหรือไม่
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 ว่า ในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคมนี้ จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เพื่อพิจารณาโครงการต่างๆ ก่อนจะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหลัก
วาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้ คือ การทบทวนแผนการใช้งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินที่เคยวางแผนไว้สำหรับรองรับโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในเฟสที่ 3 และ 4 โดยการทบทวนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับแผนการใช้งบประมาณให้ครอบคลุมถึงโครงการลงทุนต่างๆ และที่สำคัญคือ มาตรการเพื่อให้ความช่วยเหลือภาคธุรกิจและประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากนโยบายภาษีตอบโต้ทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา
นายลวรณ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้ร่วมกันทบทวนและส่งรายการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือต่างๆ เพื่อรองรับนโยบายภาษีสหรัฐฯ มาให้ตนในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว
สำหรับทิศทางของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ นายลวรณกล่าวว่า ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ในขณะนี้ ต้องรอฟังผลการพิจารณาหลังการประชุมในวันที่ 19 พฤษภาคมอีกครั้ง ส่วนประเด็นที่ว่างบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท จะเพียงพอต่อการดำเนินมาตรการทั้งหมดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการประเมินของคณะกรรมการฯ ถึงระดับผลกระทบที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังมีช่องทางในการพิจารณาใช้งบประมาณจากส่วนอื่นๆ เข้ามาดูแลได้ เช่น งบกลางสำรองเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ซึ่งปัจจุบันคงเหลือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท
ปลัดกระทรวงการคลังย้ำว่า แม้จะมีสัญญาณความขัดแย้งระหว่างประเทศมหาอำนาจที่อาจส่งผลกระทบ แต่ก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าประเทศไทยจะถูกสหรัฐอเมริกาเรียกเก็บภาษีเท่าไร ซึ่งรัฐบาลจะดูแลให้ดีที่สุดเพื่อรักษาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของประเทศ ไม่ให้เติบโตต่ำกว่า 2%
การประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ จึงเป็นจุดชี้ขาดสำคัญว่า แผนการใช้งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท จะถูกจัดสรรอย่างไร และโครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในเฟส 3 และ 4 ซึ่งเป็นที่จับตาของประชาชนจำนวนมาก จะยังคงได้รับวงเงินสนับสนุนจากงบประมาณส่วนนี้หรือไม่.