นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกมาชี้แจงปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า กกต. จะทยอยเรียกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดปัจจุบัน ซึ่งต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการเลือก สว. ที่ผ่านมา เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาทีละกลุ่ม

ประธาน กกต. กล่าวชี้แจงถึงขั้นตอนการดำเนินการของ กกต. ในกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้เรื่องยังคงอยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนที่ กกต. ได้แต่งตั้งขึ้น หากคณะกรรมการฯ ได้ดำเนินการไต่สวนแล้วพบว่ามีมูล หรือมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิด หรือฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (พ.ร.ป.สว.) ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหาไปยังผู้ถูกกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา

หลังจากกระบวนการแจ้งข้อกล่าวหาและชี้แจงเสร็จสิ้นแล้ว คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนก็จะเสนอเรื่องไปยังสำนักงาน กกต. และเลขาธิการ กกต. ตามขั้นตอนที่สอง จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนที่สาม โดยเสนอเรื่องให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง เพื่อพิจารณา สุดท้ายในขั้นตอนที่สี่ จะนำเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณาชี้ขาด หรือมีคำสั่งต่อไป

การสืบสวนและไต่สวนของ กกต. ในครั้งนี้ มีความเชื่อมโยงและเป็นความต่อเนื่องมาจากกรณีที่มีผู้เข้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เกี่ยวกับการทุจริตในการเลือก สว. ที่ผ่านมา ซึ่งจากการสอบพยาน และรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น ดีเอสไอพบว่ามีมูลความจริง จึงได้ยกระดับเรื่องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนในรูปแบบคดีพิเศษ ในความผิดฐานฟอกเงินและอั้งยี่

ดีเอสไอได้ให้ข้อมูลว่า จากการสอบสวนพบความเชื่อมโยงไปถึง สว. จำนวน 138 คน และ สว.สำรองอีก 2 คน ที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว และขณะนี้กำลังเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้เกี่ยวข้องในคดีของดีเอสไอ

ในส่วนของ กกต. เอง ก็ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนขึ้นมาโดยเฉพาะ ประกอบด้วยกรรมการ 7 คน โดยมีรองเลขาธิการ กกต. เป็นประธานคณะกรรมการ และมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของดีเอสไอร่วมเป็นกรรมการในคณะทำงานชุดนี้ด้วย มีเป้าหมายเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เนื่องจากมีมูลเหตุอันควรเชื่อได้ว่าอาจมีการทุจริต หรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น ซึ่งส่งผลให้การเลือก สว. ที่ผ่านมาอาจมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

จนถึงขณะนี้ คดีการกล่าวหาว่ามีการ ‘ฮั้ว’ การเลือก สว. ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ มีความคืบหน้าเป็นลำดับ การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ดำเนินการในรูปแบบคณะกรรมการพิเศษ ซึ่งถือว่าเป็นกลไกที่ช่วยให้การทำงานยากที่จะมีความโน้มเอียง หรือเป็นการกลั่นแกล้งผู้หนึ่งผู้ใด

จากการสอบปากคำพยาน และรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ทางดีเอสไอ กำลังเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญคือการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้เกี่ยวข้อง และให้โอกาสในการชี้แจงแก้ต่าง เมื่อกระบวนการนี้เสร็จสิ้น ก็จะมีการสรุปสำนวนเพื่อยื่นฟ้องนำคดีเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลต่อไป

คดีนี้เป็นที่สนใจของสังคมในวงกว้าง เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเมืองไทย และระบบประชาธิปไตย ดังนั้น สังคมจึงมีความคาดหวังอย่างสูงว่าการสืบสวนและไต่สวนของทั้ง กกต. และดีเอสไอ จะมีความคืบหน้าเป็นลำดับ และดำเนินไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม

ขณะเดียวกัน ก็มีเสียงเรียกร้องจากภาคส่วนต่างๆ ไปยังหน่วยงานรัฐอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้หยุดการใช้กลไก หรือเครือข่ายใดๆ ก็ตาม เพื่อสกัดขัดขวาง หรือไม่ให้ความร่วมมือต่อกระบวนการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ เพื่อให้การแสวงหาความจริงสามารถดำเนินไปได้อย่างเต็มที่.