ในหลวง พระราชินี เสด็จฯ ภูฏาน: พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ แด่กษัตริย์จิกมี ประดิษฐานเป็นการถาวร ณ ดินแดนมังกรสายฟ้า
ภูฏาน – เมื่อวันที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา การเสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ (State Visit) ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ตามคำทูลเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน ได้เข้าสู่วันที่สอง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่ตอกย้ำความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรภูฏาน
ในช่วงเช้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ยังสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปดอร์เดนมา ซึ่งเป็นพุทธสถานสำคัญในภูฏาน เพื่อทรงร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล โดยมีคณะสงฆ์จากทั้งสองประเทศ ประกอบด้วยคณะสงฆ์ฝ่ายภูฏาน และคณะสงฆ์ไทย ฝ่ายละ 74 รูป ร่วมในพิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้
โอกาสสำคัญในพิธีนี้ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุ แด่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งภูฏาน เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐาน ณ ราชอาณาจักรภูฏาน เป็นการถาวร การพระราชทานในครั้งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความผูกพันทางพระพุทธศาสนาและมิตรภาพอันยาวนานระหว่างสองชาติ
สำหรับพระบรมสารีริกธาตุที่ทรงพระราชทานในครั้งนี้ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้โปรดคัดเลือกจากที่ทรงได้รับตกทอดมาจากพระบูรพาจารย์และทรงเก็บรักษาไว้บูชาส่วนพระองค์ โดยมีจำนวน 16 องค์ แบ่งเป็นสัณฐานเมล็ดพันธุ์ผักกาด 8 องค์ และสัณฐานเมล็ดข้าวสาร 8 องค์ ซึ่งเป็นไปตามตำราพระบรมธาตุ ถือเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดทางจิตใจและเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง
หลังจากพิธีอันเป็นมงคลแล้ว สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏาน พระองค์ที่ 4 เสด็จฯ มาเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี การเข้าเฝ้าฯ ครั้งนี้สะท้อนถึงความเคารพและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อพระราชวงศ์ไทยและเป็นโอกาสในการหารือข้อราชการที่สำคัญ
ในช่วงบ่าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปยังโครงการหลวงเดเชนโชลิง เพื่อทอดพระเนตรนิทรรศการความร่วมมือระหว่างมูลนิธิโครงการหลวงของประเทศไทยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของภูฏาน โครงการความร่วมมือนี้เป็นผลมาจากการเสด็จพระราชดำเนินของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปยังราชอาณาจักรภูฏานเมื่อปี พ.ศ. 2533 เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการพัฒนาชนบทและเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการจัดแสดงผลิตภัณฑ์จากโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ของไทยที่นำไปปรับใช้ในภูฏาน สะท้อนให้เห็นถึงการแบ่งปันความรู้เพื่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน
ในช่วงเย็นของวันเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรีและภริยาของภูฏาน เข้าเฝ้าฯ ณ โรงแรมที่ประทับ เพื่อหารือข้อราชการและกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี
การเสด็จพระราชดำเนินเยือนภูฏานในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการกระชับความสัมพันธ์ระดับพระราชวงศ์ แต่ยังเป็นการยกระดับความร่วมมือในหลากหลายมิติ ทั้งด้านศาสนา วัฒนธรรม เกษตรกรรม และการพัฒนา เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้งสองประเทศ