หวิดซวยเข้าคุก! หนุ่มใหญ่ใจดีให้ที่พักคนเร่ร่อน กลับเจอโจรขโมยรถคาบ้าน ผู้ช่วยรับเสียใจเกือบเดือดร้อนเอง
ชลบุรี – กลายเป็นเรื่องราวที่น่าเห็นใจปนกับความเกือบซวย หนุ่มใหญ่เมืองชลบุรีหวังดีช่วยเหลือคนเร่ร่อนไร้ที่พัก ให้เข้ามาพักอาศัยชั่วคราว กลับพบความจริงสุดช็อก เมื่อคนที่ช่วยเป็นโจรขโมยรถจักรยานยนต์ที่กำลังถูกตามหา และถูกผู้เสียหายพาตำรวจมาเจอคาบ้าน ทำเอาเจ้าตัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ยอมรับเสียใจมากเพราะความหวังดีเกือบทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนไปด้วย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.5 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังจากที่ ร.ต.ท.ธงธวัช พลละคร รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บางละมุง ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่าพบรถจักรยานยนต์ที่ถูกขโมยไป จอดอยู่ที่หน้าบ้านหลังดังกล่าว จึงประสานกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางละมุง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองปรือ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ เข้าตรวจสอบ
ณ จุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟไอ สีขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตรงตามที่ผู้เสียหายให้ข้อมูล โดยมีนายสุเทพ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี เจ้าของรถยืนยันว่าเป็นรถของตนจริง นายสุเทพเล่าว่า รถคันนี้ถูกคนร้ายขโมยไปจากบ้านญาติย่านถนนสุขุมวิทนาเกลือ ตั้งแต่วันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา
กระทั่งเช้าวันเกิดเหตุ ขณะที่เขากำลังไปส่งลูกชายวัย 12 ปีที่โรงเรียน และขับรถผ่านหน้าบ้านหลังดังกล่าว ลูกชายได้ทักขึ้นว่า “พ่อ ๆ ใช่รถเราหรือเปล่า” หลังจากส่งลูกเสร็จ จึงวนรถกลับมาดูอย่างละเอียด และจากตำหนิร่องรอยต่าง ๆ ทำให้เขามั่นใจว่าเป็นรถของตนอย่างแน่นอน เพราะใช้มานานกว่า 10 ปี ไม่มีทางจำผิด จึงรีบประสานญาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบทันที
จากการสอบถามทราบว่า บ้านหลังดังกล่าวมีนายไพโรจน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี เป็นผู้เช่า เจ้าหน้าที่จึงติดต่อเชิญตัวนายไพโรจน์ พร้อมภรรยามายังที่เกิดเหตุ นายไพโรจน์ให้การว่า บ้านหลังนี้เช่าไว้เก็บของ ปกติไม่เคยล็อกประตู แต่ตอนนี้กลับพบว่าประตูล็อกอยู่จากด้านใน
นายไพโรจน์แจ้งว่า ขณะนี้มีชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็นแฟนลูกน้องเก่าของเขา เข้ามาพักอาศัยอยู่ในบ้านได้เพียง 2 วัน โดยมาขออาศัยชั่วคราวเนื่องจากไม่มีที่ไป ส่วนรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว ชายคนนี้ขับมาด้วย ซึ่งเขาเองไม่ทราบมาก่อนว่ารถคันนี้ถูกขโมยมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานช่างกุญแจมาช่วยเปิดประตูบ้าน
เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปภายในบ้าน พบกับนายนาวี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี กำลังนอนหลับอยู่บริเวณชั้นสองของบ้าน เมื่อถูกสอบถาม นายนาวีให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุขโมยรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจริง โดยอ้างว่าเพิ่งออกจากคุก ตกงาน และเร่ร่อนไม่มีที่พัก เมื่อสบโอกาสเห็นรถจอดเสียบกุญแจไว้ จึงตัดสินใจลงมือก่อเหตุ
นายไพโรจน์และภรรยาเล่าด้วยความรู้สึกเสียใจว่า ก่อนหน้านี้ นายนาวีได้เดินทางมาหาที่ออฟฟิศ และบอกเล่าเรื่องราวความยากลำบากว่า เพิ่งพ้นโทษออกมา ตกงานมานาน ไม่มีที่หลับที่นอน ไม่มีที่อาบน้ำ สมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ด้วยความสงสารและหวังดี อีกทั้งจำได้ว่าเคยเห็นนายนาวีมารับ-ส่งลูกน้องเก่าของตนอยู่บ่อยครั้ง และคิดว่าไม่น่าจะมีพิษภัย จึงตัดสินใจให้พักที่บ้านหลังดังกล่าวชั่วคราว แม้ขณะนั้นจะไม่รู้แม้แต่ชื่อจริง
นายไพโรจน์ยังเปิดเผยว่า นายนาวีเคยเสนอที่จะจำนำรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวให้ในราคา 500 บาท แต่ตนได้ปฏิเสธไปเพราะไม่กล้ารับไว้ เนื่องจากไม่ทราบที่มาที่ไปของรถ สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ และเกือบทำให้ตนเองต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย เพราะความหวังดีที่อยากจะช่วยเหลือคนที่กำลังลำบาก ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนายนาวี ผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป