ด่วน! กกต.จ่อฟัน 60 สว.ดังล็อตแรก ยื่นศาลฎีกาฯ เพิกถอนสิทธิ หลัง กกต.-ดีเอสไอสรุปคดีฮั้ว
กกต.จ่อฟัน 60 สว.ดังล็อตแรก ยื่นศาลฎีกาฯ เพิกถอนสิทธิ หลัง กกต.-ดีเอสไอสรุปคดีฮั้ว
รายงานข่าวล่าสุดระบุว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้พิจารณาเพิกถอนสิทธิสมาชิกภาพของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 60 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็น สว. ที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง หลังการสอบสวนร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พบหลักฐานชัดเจนว่า กระบวนการได้มาซึ่ง สว. ชุดนี้ ไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือเข้าข่ายการ ‘ฮั้ว’
การเคลื่อนไหวครั้งสำคัญนี้มีขึ้นภายหลังการสอบสวนที่ใช้เวลาเกือบ 2 เดือน โดย กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับเรื่องเป็นคดีพิเศษที่ 24/2568 ในกรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา และได้ทำงานร่วมกับชุดสืบสวนไต่สวนของ กกต. อย่างใกล้ชิด
คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ซึ่งมี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. เป็นประธาน และประกอบด้วยกรรมการจากทั้ง กกต. และดีเอสไอ รวม 7 ท่าน ได้ร่วมกันรวบรวมพยานหลักฐานอย่างเข้มข้นทั่วประเทศ มีการสอบปากคำพยานจำนวนมาก รวมถึงกลุ่ม สว.สำรอง ตรวจสอบข้อมูลทางธุรกรรมการเงินที่มีการหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท ตั้งแต่การเลือก สว. ระดับอำเภอ จังหวัด ไปจนถึงระดับประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบข้อมูลผู้ใช้โทรศัพท์ และรับโอนสำนวนคดีที่เคยมีการกล่าวหาในความผิดฐานอั้งยี่จากสถานีตำรวจในพื้นที่ต่างๆ มารวมไว้ในคดีพิเศษนี้
จากการวิเคราะห์ข้อมูลและพยานหลักฐานที่ได้มา ทั้งความสัมพันธ์เชื่อมโยงของกลุ่มบุคคล เส้นทางการเงิน และพฤติกรรมการลงคะแนนที่มีความผิดปกติ เช่น การเลือกหมายเลขเดียวกันซ้ำๆ กันเป็นจำนวนมาก คณะกรรมการฯ พบว่า มีการกระทำที่เข้าข่ายมีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่ขัดต่อความสุจริตเที่ยงธรรม ซึ่งถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561
แหล่งข่าวระบุว่า หลักฐานที่พบมีความชัดเจนในพฤติการณ์ของผู้ที่ถูกกล่าวหาว่า ไม่ได้ถูกเลือกเป็น สว. มาโดยชอบ แต่ได้มาด้วยกระบวนการที่เข้าข่ายการฮั้ว โดยขั้นตอนต่อไป ทางสำนักงาน กกต. จะทยอยเรียก สว. ในล็อตแรกจำนวนประมาณ 60 ราย มารับทราบข้อกล่าวหาตามกฎหมายเลือกตั้ง อาทิ มาตรา 32, 36, 62, 70 และ 77 แห่ง พ.ร.ป. สว. 2561
ตามกระบวนการไต่สวนของ กกต. ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา หากไม่เข้าพบ ถือว่าไม่ประสงค์จะชี้แจง อย่างไรก็ตาม การไม่มาพบเจ้าหน้าที่ กกต. จะไม่นำไปสู่การออกหมายจับ แต่ กกต. จะพิจารณาจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ หากพบว่ามีการทุจริตจริง ก็จะออกใบแดง (เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง) และส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นผู้พิจารณาเพิกถอนสิทธิการเป็น สว. ต่อไป
สำหรับในส่วนของการดำเนินคดีอาญา ดีเอสไอ ซึ่งเป็นหัวเรือหลักในการสอบสวนเรื่องความผิดฐานฟอกเงินและอั้งยี่ จะดำเนินการแยกต่างหาก คดีส่วนนี้พุ่งเป้าไปที่กลุ่มบุคคลที่ร่วมกระทำทุจริต ไม่ว่าจะเป็นผู้รับเงิน กลุ่มโหวตเตอร์พลีชีพ หรือผู้จัดขบวนการฮั้ว ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ามีจำนวนหลายร้อยคน เมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้น ดีเอสไอจะสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลอาญารัชดาภิเษกต่อไป โดยความผิดอาญาเหล่านี้ ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิสู้คดีได้ถึง 3 ศาล
การดำเนินการของ กกต. และดีเอสไอในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการตรวจสอบความโปร่งใสและสุจริตของกระบวนการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการทำงานของรัฐสภา