กบน. มีมติลดเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ตรึงราคาหน้าปั๊ม หลังภาษีสรรพสามิตปรับขึ้น มีผล 7 พ.ค. 2568 เพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชน
กรุงเทพฯ – คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติสำคัญในการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สำหรับน้ำมันประเภทต่างๆ เพื่อรองรับและชดเชยการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ทั้งในกลุ่มน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซล โดยมีเป้าหมายหลักคือการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันหน้าสถานีบริการ ไม่ให้ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากการขึ้นภาษีมีผลบังคับใช้ เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบด้านค่าครองชีพของประชาชนในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า มติดังกล่าวของ กบน. ได้แบ่งการพิจารณาออกเป็นสองส่วนหลัก ส่วนแรกคือการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฯ ในจำนวนที่เท่ากับการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตและภาษีเพื่อราชการส่วนท้องถิ่น ตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป
รายละเอียดการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฯ มีดังนี้:
- น้ำมันเบนซิน: ปรับลดจาก 10.71 บาท/ลิตร เหลือ 10.50 บาท/ลิตร
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ 91: ปรับลดจาก 4.40 บาท/ลิตร เหลือ 3.70 บาท/ลิตร
- น้ำมัน E20: ปรับลดจาก 2.70 บาท/ลิตร เหลือ 2.40 บาท/ลิตร
- น้ำมัน E85: คงอัตราเดิมที่ 3.60 บาท/ลิตร
- น้ำมันดีเซล: ปรับลดจาก 3.42 บาท/ลิตร เหลือ 3.00 บาท/ลิตร
การปรับลดอัตราเงินนำส่งดังกล่าว มีขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการปรับขึ้นอัตราภาษีสรรพสามิตที่ได้ประกาศใช้ก่อนหน้านี้ ดังนี้:
- น้ำมันเบนซิน: ภาษีสรรพสามิตปรับขึ้นจาก 6.50 บาท/ลิตร เป็น 7.50 บาท/ลิตร และภาษีท้องถิ่นปรับขึ้นจาก 0.65 บาท/ลิตร เป็น 0.75 บาท/ลิตร
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ 91: ภาษีสรรพสามิตปรับขึ้นจาก 5.85 บาท/ลิตร เป็น 6.75 บาท/ลิตร และภาษีท้องถิ่นปรับขึ้นจาก 0.585 บาท/ลิตร เป็น 0.675 บาท/ลิตร
- น้ำมัน E20: ภาษีสรรพสามิตปรับขึ้นจาก 5.20 บาท/ลิตร เป็น 6.00 บาท/ลิตร และภาษีท้องถิ่นปรับขึ้นจาก 0.52 บาท/ลิตร เป็น 0.60 บาท/ลิตร
- น้ำมัน E85: ภาษีสรรพสามิตปรับขึ้นจาก 0.975 บาท/ลิตร เป็น 1.125 บาท/ลิตร และภาษีท้องถิ่นปรับขึ้นจาก 0.0975 บาท/ลิตร เป็น 0.1125 บาท/ลิตร
- น้ำมันดีเซล: ภาษีสรรพสามิตปรับขึ้นจาก 5.99 บาท/ลิตร เป็น 6.92 บาท/ลิตร และภาษีท้องถิ่นปรับขึ้นจาก 0.599 บาท/ลิตร เป็น 0.692 บาท/ลิตร
ส่วนที่สองของการพิจารณาคือเรื่องค่าการตลาดที่เหมาะสม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้พร้อมกับการปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฯ คือตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป
นายพรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียดและการพิจารณาความสามารถของกองทุนน้ำมันฯ ในการรองรับรายได้ที่ลดลง ประกอบกับปัจจัยแวดล้อมด้านต่างๆ ที่ประชุม กบน. ประเมินว่า กองทุนฯ มีความสามารถในการปรับลดอัตราเงินนำส่งเพื่อรองรับผลกระทบจากการขึ้นภาษีสรรพสามิตครั้งนี้ได้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตเกิดสถานการณ์วิกฤตด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงทั่วโลก จนส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศอย่างรุนแรง และทำให้กองทุนน้ำมันฯ ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนัก กบน. พร้อมที่จะเสนอให้กระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิต พิจารณาปรับลดอัตราภาษีน้ำมันลง เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและไม่สร้างภาระเกินควรต่อประชาชน
การปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฯ ครั้งนี้ จะส่งผลให้รายรับของกองทุนในบัญชีน้ำมันลดลงประมาณวันละ 49.57 ล้านบาท จากเดิมที่เคยมีรายรับเฉลี่ยประมาณวันละ 393.97 ล้านบาท เหลือประมาณวันละ 344.40 ล้านบาท ทั้งนี้ ฐานะของกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 ยังคงติดลบอยู่ที่ 47,779 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 2,540 ล้านบาท และบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ติดลบ 45,239 ล้านบาท
นายพรชัย ยืนยันในตอนท้ายว่า กบน. จะยังคงยึดมั่นในการดำเนินงานตามกรอบของพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันในประเทศต่อไป พร้อมยืนยันหลักการ “เปิดเผย โปร่งใส และตรวจสอบได้” ในทุกขั้นตอน เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าทุกมาตรการที่ออกมานั้น มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง