รวบแล้ว ‘แก้วตา’ สาวแสบ หลอกขายตั๋วเครื่องบิน-ที่พัก เสียหายกว่า 10 ล้านบาท เหยื่อกว่า 50 ราย
สุราษฎร์ธานี – ตำรวจเกาะสมุยตามรวบตัว น.ส.แก้วตา สาวแสบผู้ต้องหาตามหมายจับคดีฉ้อโกง หลังหลอกขายตั๋วเครื่องบินและห้องพักราคาถูก ทำให้มีผู้เสียหายกว่า 50 ราย สูญเงินรวมเกือบ 10 ล้านบาท คดีนี้ตำรวจยืนยันมีอัตราโทษสูง พร้อมเร่งขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการ
วันนี้ (8 พฤษภาคม 2568) พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.เด่นดวง ทองศรีสุข ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ่อผุด พร้อมทีมสืบสวน นำโดย พ.ต.ท.ภาณุมาศ ชูเกื้อ สารวัตรสืบสวน และ พ.ต.ต.ภัทรพล อุบลกาญจน์ สารวัตรอำนวยการ นำกำลังเข้าจับกุมตัว น.ส.แก้วตา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดเกาะสมุย ที่ 134/2568 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ในข้อหาฉ้อโกง
การจับกุมครั้งนี้มีขึ้นที่บริเวณหน้าห้องพักแห่งหนึ่งในพื้นที่บ้านละไม ตำบลมะเร็ต อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมตัว น.ส.แก้วตา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้เสียหายกว่า 50 คน เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ่อผุด เพื่อให้ดำเนินคดีกับ น.ส.แก้วตา ซึ่งได้หลอกลวงฉ้อโกงเงินไป โดยผู้ต้องหาใช้วิธีการหลอกขายตั๋วโดยสารเครื่องบินทั้งเส้นทางในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงหลอกขายห้องพักโรงแรมในราคาที่ต่ำกว่าราคาปกติ ซึ่งมีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก ทั้งเพื่อนสนิท คนรู้จัก ผู้ประกอบการท่องเที่ยวหลายราย ทั้งที่อยู่บนเกาะสมุย กรุงเทพมหานคร และจังหวัดเชียงราย มูลค่าความเสียหายรวมกันเกือบ 10 ล้านบาท
หนึ่งในผู้เสียหายได้เล่าถึงพฤติการณ์ของ น.ส.แก้วตา ว่า ตนเองได้จองตั๋วเครื่องบินไปเซี่ยงไฮ้ จำนวน 6 ใบ ในราคาใบละ 7,000 บาท รวมเป็นเงิน 42,000 บาท โดยโอนเงินเข้าบัญชีของ น.ส.แก้วตา โดยตรง แต่เมื่อใกล้ถึงกำหนดเดินทาง กลับพบปัญหาเรื่องการจองตั๋วของผู้เสียหายรายอื่น ทำให้เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากล จึงตัดสินใจติดต่อสอบถามไปยังสายการบินโดยตรง และได้ทราบความจริงว่า ตั๋วที่ซื้อนั้นเป็นตั๋วปลอม ไม่มีการจำหน่ายตั๋วโปรโมชั่นในลักษณะเพื่อนหรือครอบครัวตามที่ถูกกล่าวอ้างแต่อย่างใด
หลังจากนั้น ผู้เสียหายรายนี้ได้นำเรื่องราวไปเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้พบว่ามีผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อของ น.ส.แก้วตา ในลักษณะเดียวกัน ไม่ต่ำกว่า 50 ราย
กรณีดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการกำชับให้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เร่งรัดการจับกุมตัว น.ส.แก้วตา โดยเร็วที่สุด เนื่องจากเข้าข่ายข้อหาฉ้อโกงประชาชน ซึ่งเป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง เบื้องต้นมีผู้เสียหายที่แจ้งความแล้วและตรวจสอบยอดความเสียหายกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่าอาจมีผู้เสียหายมากกว่านี้
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติยังได้สั่งการให้ดำเนินการสืบสวนขยายผลเพื่อตรวจสอบว่ามีผู้เสียหายรายอื่นเพิ่มเติมหรือไม่ รวมถึงผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในขบวนการฉ้อโกงนี้ หากพบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงผู้ใด ก็ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป