สลด! พบโครงกระดูกสาวญี่ปุ่นซุกบ้านแฟนเก่า หายตัว 4 เดือน | จี้ถามตำรวจเมินแจ้ง 9 ครั้ง | ผู้ต้องสงสัยสารภาพแล้ว
โตเกียว, ญี่ปุ่น – เรื่องราวสุดสลดที่สร้างความสะเทือนใจให้กับสังคมญี่ปุ่น เมื่อนักศึกษาหญิงวัย 20 ปี ชาวเมืองคาวาซากิ จังหวัดคานากาวา ซึ่งหายตัวไปอย่างปริศนานานกว่า 4 เดือน ถูกพบเป็นโครงกระดูกซุกซ่อนอยู่ในบ้านพักของแฟนเก่าผู้ต้องสงสัย
เหตุการณ์ดังกล่าวจุดประเด็นคำถามใหญ่ถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ หลังพบว่าผู้เสียชีวิตเคยเข้าแจ้งความกรณีถูกคุกคามอย่างหนักจากผู้ต้องสงสัยถึง 9 ครั้งก่อนที่เธอจะหายตัวไป แต่กลับไม่ได้รับความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม หรือการดำเนินการที่เพียงพอเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้น
ตามรายงานของสำนักข่าวต่างประเทศ เช่น Fuji News Network และ NHK นักศึกษาหญิงผู้เสียชีวิตคือ น.ส. โอกาซากิ อายาคาเกะ วัย 20 ปี เธอหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 20 ธันวาคม 2024 ก่อนหน้านั้น เธอได้ถูกนายชิราอิ ฮิเดะมาสะ อายุ 27 ปี ซึ่งเป็นแฟนเก่า คุกคาม สะกดรอยตาม และติดตามเป็นเวลานานตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2024
แหล่งข่าวระบุว่า เฉพาะในช่วงระหว่างวันที่ 9 – 20 ธันวาคม 2024 ก่อนที่เธอจะขาดการติดต่อ น.ส. โอกาซากิ ได้โทรศัพท์แจ้งความกับเบอร์ฉุกเฉิน 110 ของตำรวจถึง 9 ครั้ง เพื่อรายงานว่าชีวิตของเธอกำลังถูกคุกคาม แต่เรื่องกลับเงียบหายและไม่ได้รับความช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม ทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจจากความหวาดกลัว
ด้วยความหวาดกลัว ผู้เสียชีวิตได้ย้ายไปอาศัยอยู่กับคุณยายของเธอ แต่ผู้ต้องสงสัยยังคงสามารถตามหาที่อยู่ของเธอจนพบ และยังคงข่มขู่คุกคามอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง น.ส. โอกาซากิ ขาดการติดต่อไปหลังจากติดต่อกับบุคคลอื่นเป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 20 ธันวาคม 2024
เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มทำการสอบสวนสองวันหลังจากนั้น โดยมุ่งเป้าไปที่นายชิราอิ ฮิเดะมาสะ อดีตแฟนหนุ่ม ซึ่งถูกสอบปากคำและสัมภาษณ์อย่างน้อย 7 ครั้ง ทั้งแบบตัวต่อตัวและทางโทรศัพท์ ตลอดเวลา นายชิราอิ ได้ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยอ้างว่า “ผมไม่รู้” หรือ “ผมกำลังตามหาเธอเช่นกัน” และยืนกรานว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของอดีตแฟนสาว
ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านพักและบริเวณสวนของนายชิราอิถึง 3 ครั้งในช่วงการสอบสวนเบื้องต้น แต่ไม่สามารถพบร่องรอยใดๆ ของเหยื่อได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงในภายหลังว่า การค้นหาดังกล่าวไม่มีอำนาจบังคับเต็มที่ ต้องอาศัยความร่วมมือจากนายชิราอิ จึงไม่สามารถบังคับค้นทุกพื้นที่ได้ และไม่เคยพบหลักฐานสำคัญในช่วงนั้น
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายนปีนี้ เมื่อตำรวจได้เข้าตรวจค้นที่พักของนายชิราอิอีกครั้ง บริเวณใกล้สถานีไดชิ เขตคาวาซากิ ด้วยข้อสงสัยว่าอาจมีการละเมิด “กฎหมายป้องกันการคุกคามและตามติดคนอื่น” ระหว่างการตรวจค้นครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบถุงต้องสงสัยในตู้เก็บของที่อยู่ใต้พื้นครัวของนายชิราอิ ฮิเดะมาสะ
เมื่อเปิดถุงดังกล่าวออก พบร่างที่เหลือเพียงโครงกระดูก ผลการตรวจชันสูตรศพยืนยันในภายหลังว่าผู้เสียชีวิตคือ น.ส. โอกาซากิ อายาคาเกะ จริงๆ แม้สาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัดจะยังไม่สามารถระบุได้ แต่คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วมากกว่า 1 เดือน นอกจากนี้ ยังพบร่องรอยการเผาไหม้บนโครงกระดูก ซึ่งนำไปสู่การตั้งข้อสงสัยว่าศพอาจถูกเผาที่อื่นก่อนนำกลับมาซ่อนไว้ที่บ้านพักของผู้ต้องสงสัย เนื่องจากไม่พบร่องรอยการเผาไหม้ภายในบ้าน
ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ ตำรวจยอมรับว่า ในการเข้าตรวจค้นบ้านของนายชิราอิครั้งแรก ๆ เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2024 เจ้าหน้าที่เคยพยายามเข้าไปตรวจสอบบริเวณตู้เก็บของใต้พื้นครัวแล้ว แต่นายชิราอิ ฮิเดะมาสะ ได้ปฏิเสธอย่างชัดเจน โดยกล่าวห้ามว่า “อย่าแตะตรงนั้น” ทำให้เจ้าหน้าที่ยอมถอยและไม่ได้ตรวจค้นในพื้นที่สำคัญดังกล่าวในครั้งนั้น บัดนี้ ได้รับการยืนยันแล้วว่า ร่างของผู้เสียชีวิตถูกซ่อนอยู่ในจุดดังกล่าวมานานถึง 4 เดือน
หลังเกิดเหตุการณ์พบศพขึ้น นายชิราอิ ฮิเดะมาสะ ได้เดินทางออกนอกประเทศไปยังสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม เมื่อเขากลับเข้าประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดักสกัดตัวที่สนามบินฮาเนดะ และนำตัวไปทำการสอบสวน ซึ่งในที่สุด เขาก็ได้สารภาพกับตำรวจสั้นๆ ว่า “ใช่ ผมทำ” ก่อนจะถูกจับกุมอย่างเป็นทางการในข้อหาฆาตกรรม
คดีนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมในสังคมญี่ปุ่นอย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็นการรับมือกับการแจ้งความคดีคุกคามและสะกดรอยตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า หากมีการดำเนินการที่จริงจังและรวดเร็วกว่านี้ อาจสามารถป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียในครั้งนี้ได้
ที่มา: Fuji News Network, NHK