สามีเปิดปม ‘เจ๊แก้ว’ เจ้าของแผงทุเรียน หายตัวปริศนา พบมือถือ 2 เครื่อง วงจรปิดชี้เส้นทางผิดปกติ
สุราษฎร์ธานี – สามี “เจ๊แก้ว” เจ้าของแผงทุเรียนที่หายตัวไปพร้อมทองรูปพรรณ เล่าเหตุการณ์ก่อนหายตัว พบโทรศัพท์มือถือทั้ง 2 เครื่องถูกวางไว้ที่ร้าน ขณะที่กล้องวงจรปิดเผยเส้นทางที่ขับรถออกไป ไม่ใช่ทางกลับบ้านตามปกติ หวังภรรยาแค่ไปพักใจ แต่หากถูกชิงทรัพย์ขอแค่กลับมาปลอดภัย
จากกรณีการหายตัวไปอย่างปริศนาของ น.ส.สุจิตรา กุลจันทร์ หรือ “เจ๊แก้ว” อายุ 43 ปี เจ้าของแผงทุเรียนชื่อดังในตลาดโพธิ์หวาย ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 หลังเลิกงานที่แผงและกำลังจะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านพักซึ่งอยู่ห่างไปราว 2 กิโลเมตร โดยมีข้อมูลว่า เจ๊แก้วสวมใส่สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท สร้อยข้อมือหนัก 10 บาท และแหวนทองคำน้ำหนัก 2 สลึง ติดตัวไปด้วย ทำให้คนในครอบครัวเป็นห่วงความปลอดภัยอย่างยิ่ง ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ที่แผงทุเรียนของเจ๊แก้ว บรรยากาศยังคงเป็นไปตามปกติ โดยมีนายพงศ์พันธ์ หรือ แอน อายุ 44 ปี สามีของ น.ส.สุจิตรา และคนงาน กำลังช่วยกันลงทุเรียนจากรถกระบะและเปิดร้านขายตามเดิม เนื่องจากมีการสั่งทุเรียนไว้ก่อนหน้านี้
นายแอน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้พบโทรศัพท์มือถือของเจ๊แก้วทั้ง 2 เครื่อง ถูกวางไว้ในลิ้นชักโต๊ะบัญชีภายในร้าน ซึ่งสาเหตุที่เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของภรรยาเป็นอย่างมาก เพราะเจ๊แก้วมีทองรูปพรรณติดตัวไปจำนวนหนึ่ง เกรงว่าจะถูกประสงค์ต่อทรัพย์สิน
เมื่อสอบถามถึงปัญหาภายในครอบครัว นายแอนยอมรับว่า ตนกับเจ๊แก้วมีเรื่องทะเลาะกันตามประสาสามีภรรยา โดยล่าสุดมีปากเสียงกันเล็กน้อยเรื่องที่ตนนำกล้องวงจรปิดมาติดตั้งที่บ้านและที่ร้าน ซึ่งเจ๊แก้วรู้สึกไม่พอใจ เหมือนเป็นการติดตั้งเพื่อจับตาดู ทำให้รู้สึกอึดอัด ตนจึงบอกให้เอาออก และเจ๊แก้วก็ได้ตัดสัญญาณกล้องออกไปตั้งแต่ก่อนเที่ยงของวันที่ 17 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่หายตัวไป
นายแอนยังเล่าถึงเหตุการณ์ในอดีตว่า เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ตนเคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวกับภรรยา ทำให้เจ๊แก้วเคยหนีออกจากบ้านไปนานประมาณ 10 วัน แต่ยืนยันว่าในครั้งนี้ตนไม่ได้มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งอะไรรุนแรง นอกจากปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ดังกล่าว ปัจจุบันตนได้แต่ภาวนาขอให้ภรรยาเพียงแค่หลบไปพักใจเหมือนครั้งที่แล้วและขอให้กลับมาอย่างปลอดภัย หากเจ๊แก้วได้ดูข่าวอยู่ก็อยากให้กลับมาพูดคุยกัน
นายแอนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงว่า แม้หากเป็นการชิงทรัพย์จนต้องสูญเสียทองรูปพรรณทั้งหมดไป ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงแค่ให้ภรรยาของตนเองกลับมาอย่างปลอดภัยก็พอ
ขณะที่ในส่วนของการสืบสวนติดตามของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อแกะรอยเส้นทางของเจ๊แก้ว พบว่า หลังจากเสร็จงานที่ตลาดโพธิ์หวาย เจ๊แก้วได้ขับรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีน้ำเงินดำ ออกไปจากร้าน โดยภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณร้านสะดวกซื้อหลังโรงเรียนธิดาแม่พระ จับภาพได้ว่า รถจักรยานยนต์ของเจ๊แก้วได้ขับผ่านสามแยกดังกล่าว มุ่งหน้าไปยังบริเวณวัดพัฒนาราม (หลวงพ่อพัฒน์) ต.ตลาด อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นเส้นทางที่ผิดปกติ ไม่ใช่เส้นทางที่จะขับกลับบ้านตามปกติ เนื่องจากเส้นทางกลับบ้านนั้นจะต้องเลี้ยวเข้าบริเวณถนนร่มเกล้า ด้านข้างร้านสะดวกซื้อ เพื่อมุ่งหน้าไปยังซอยที่พัก
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงไม่ตัดประเด็นปัญหาภายในครอบครัวของผู้สูญหายทิ้ง และได้สั่งการให้สายตรวจรถจักรยานยนต์ สายตรวจรถยนต์ และสายตรวจตำบล ในพื้นที่รับผิดชอบ เร่งออกค้นหาและตรวจสอบตามโรงแรม รีสอร์ต และห้องพักต่างๆ อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหวังจะพบตัวและพาหนะของเจ๊แก้วโดยเร็วที่สุด