ปิดฉากแก๊งอุ้มรีดชาวอินเดีย! ตำรวจฝากขัง 7 ผู้ต้องหา คดีอุ้มเพื่อนร่วมชาติเรียกค่าไถ่ ค้านประกันตัวหวั่นหลบหนี
กรุงเทพมหานคร – ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล เข้าช่วยเหลือชาวอินเดีย 3 ราย หลังถูกกลุ่มเพื่อนร่วมชาติและชาวปากีสถานรวม 7 คน ล่อลวง กักขัง และเรียกค่าไถ่ โดยอ้างว่าจะช่วยจัดหางานที่ประเทศออสเตรเลีย แต่กลับให้มาพักรอทำเอกสารที่กรุงเทพฯ ก่อนพาไปกักขังยังบ้านเช่าในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ และทำการอุ้มรีดทรัพย์สิน เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา
ล่าสุด วันที่ 19 เมษายน 2568 พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลยานนาวา ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ประกอบด้วย นายดีป ซันดู (Mr.Deep Sandhu) อายุ 32 ปี สัญชาติอินเดีย, นายมูฮัมหมัด อัฟซัล (Mr. Muhammad Afzal) อายุ 57 ปี สัญชาติปากีสถาน, นายซูราฟ (Mr.Sourav) อายุ 26 ปี สัญชาติอินเดีย, นายซิมรันจิต ซิงห์ (Mr. Simranjit Singh) อายุ 35 ปี สัญชาติอินเดีย, นายอภิเษก (Mr. Abhishek) อายุ 25 ปี สัญชาติอินเดีย, นายนิติน ซาลาเรีย (Mr. Nitin Salaria) อายุ 36 ปี สัญชาติอินเดีย และนายเกอร์วินเดอร์ ซิงห์ (Mr. Gurwinder Singh) อายุ 35 ปี สัญชาติอินเดีย ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อฝากขังผัดแรก
ในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาหนักรวม 5 ข้อหากับผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ได้แก่:
- ร่วมกันกระทำเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่
- กระทำการหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังบุคคลใด
- ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย
- ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น
- ปล้นทรัพย์
- ซ่องโจร
จากการสอบปากคำ ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้ยื่นคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหา เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในประเทศไทย และอาจมีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งศาลจะพิจารณาคำร้องขอฝากขังและคำคัดค้านการประกันตัวต่อไป.
เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงรูปแบบอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีการล่อลวงเหยื่อด้วยการเสนอโอกาสในการทำงานต่างประเทศ ก่อนจะใช้สถานการณ์ดังกล่าวในการกักขังและเรียกทรัพย์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วจนสามารถเข้าช่วยเหลือเหยื่อและจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้.