สมุทรปราการ – เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวบี (นามสมมุติ) อายุ 48 ปี เจ้าของสถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่ง ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ได้นำหลักฐานเอกสารเข้ายื่นต่อนางสาวนภัสทนันท์ ทองกร ปลัดอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ปฏิบัติหน้าที่ปลัดประจำศูนย์ดำรงธรรม อำเภอพระสมุทรเจดีย์ เพื่อร้องเรียนเกี่ยวกับร้านนวดแผนไทยที่มาเปิดให้บริการอยู่ติดกับสถาบันกวดวิชาของตน

นางสาวบี เปิดเผยว่า ร้านนวดดังกล่าวมีพนักงานแต่งกายในลักษณะวาบหวิว ซึ่งสร้างความกังวลใจอย่างมาก เนื่องจากร้านตั้งอยู่ในย่านชุมชนและอยู่ติดกับสถาบันกวดวิชาที่มีเด็กนักเรียนอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เกรงว่าจะเป็นแบบอย่างที่ไม่เหมาะสม และพฤติกรรมของพนักงานอาจส่งผลกระทบต่อทัศนคติและพฤติกรรมของเด็กได้

นอกจากนี้ ร้านนวดยังมีผู้ใช้บริการเป็นผู้ชายจำนวนมาก เดินเข้าออกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ตนและบุคลากรในโรงเรียนรู้สึกไม่ปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นที่สงสัยว่าภายในร้านอาจมีบริการอื่นแอบแฝง นอกเหนือจากการนวดแผนไทยตามที่ระบุไว้ ทั้งนี้ ร้านนวดดังกล่าวเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปดส.) เข้าทำการจับกุมไปแล้วเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ก็ยังสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ

นางสาวบี เล่าต่อไปว่า ปัญหาดังกล่าวเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2566 ที่ร้านนวดนี้เข้ามาเปิดบริการใกล้สถาบันของเธอ มีผู้ปกครองของนักเรียนเคยเข้าไปใช้บริการนวดบ่า ไหล่ แต่กลับถูกพนักงานจับของสงวน ทำให้เชื่อว่าร้านนี้น่าจะมีบริการพิเศษแอบแฝง โดยมีการเสนอราคาอยู่ที่ 1,500 บาท ซึ่งเรื่องนี้เคยถูกร้องเรียนไปยังสถานีตำรวจภูธรพระสมุทรเจดีย์มาแล้ว

ประเด็นที่น่ากังวลอีกอย่างคือ ทางพนักงานของร้านนวดเคยขอให้ทางโรงเรียนถอดกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้ด้านนอกออก โดยอ้างว่าจะมาบดบังหน้าร้าน ซึ่งนางสาวบีมองว่าเป็นเรื่องผิดปกติ เพราะหากให้บริการนวดแผนไทยอย่างเดียวจริง เหตุใดจึงต้องกังวลเรื่องกล้องวงจรปิด ทั้งที่โรงเรียนเปิดให้บริการมานานถึง 7-8 ปี และติดตั้งกล้องไว้เพื่อรักษาความปลอดภัยของสถานที่และนักเรียนเป็นหลัก

นางสาวบี ระบุว่า พนักงานร้านนวดแต่งตัวเปิดเผย ทั้งท่อนล่างและท่อนบน ซึ่งเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และเกรงว่าเด็กนักเรียนจะเห็นแล้วเลียนแบบพฤติกรรม หรือมองว่าเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งยังเคยมีผู้ชายที่เข้ามาใช้บริการร้านนวด มายืนมองที่บริเวณโรงเรียน สร้างความไม่สบายใจและความหวาดระแวง จึงอยากวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาตรวจสอบ เพราะหวั่นเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อเด็กนักเรียนและคณะครูอาจารย์

ทางด้าน นางสาวนภัสทนันท์ ทองกร ปลัดอำเภอพระสมุทรเจดีย์ กล่าวว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนจากนางสาวบีไว้เรียบร้อยแล้ว และได้ให้ผู้ร้องเขียนคำร้องเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งหลังจากนี้ จะดำเนินการออกตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ว่า เป็นไปตามที่ผู้ร้องเรียนได้ให้ข้อมูลมาหรือไม่ หากพบว่าเป็นไปตามที่ร้องเรียน ทางอำเภอจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

สำหรับระยะเวลาในการดำเนินการตรวจสอบ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน โดยหลังจากนี้ ทางศูนย์ดำรงธรรมจะประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรพระสมุทรเจดีย์ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป.