ประจวบคีรีขันธ์ – เกิดเหตุระทึกกลางดึกที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อรถยนต์เก๋งคันหนึ่งเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรงริมถนนเพชรเกษม โชคดีที่เจ้าของรถไหวพริบดีและรีบออกจากรถได้ทัน ทำให้รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด ขณะที่รถยนต์เสียหายทั้งคัน

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 00.xx น. ของวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 (ตามเวลาที่ได้รับแจ้งเหตุ) โดยศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์บริเวณริมถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ ตรงข้ามโรงเรียนภัทราวดีหัวหิน ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจตู้วัดเขาสนามชัยจึงรีบเข้าร่วมอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และประสานเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครหัวหิน พร้อมรถดับเพลิงรุดเข้าพื้นที่ทันที

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแจ๊ส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กฉ 4062 เพชรบุรี จอดอยู่ริมทางในสภาพถูกเพลิงโหมลุกไหม้จากบริเวณห้องเครื่องยนต์อย่างรุนแรง เปลวไฟลุกลามอย่างรวดเร็วและเผาผลาญตัวรถทั้งคัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลนครหัวหินต้องเร่งระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิง ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากความร้อนจากเพลิงทำให้ถังน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดการรั่วไหล และมีน้ำมันไหลออกมาเป็นเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เพลิงยังคงปะทุขึ้นเป็นระยะๆ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงในการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงและควบคุมเพลิง จนกระทั่งน้ำมันที่รั่วไหลออกมาถูกเผาไหม้จนหมด เพลิงจึงสงบลงได้ในที่สุด

ภายหลังเพลิงสงบลง ตัวรถยนต์เก๋งฮอนด้า แจ๊ส คันดังกล่าวได้รับความเสียหายทั้งหมด ถูกเพลิงไหม้จนเหลือแต่โครงและเศษซากที่ไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป

จากการสอบถาม นางบรรจง (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ชาวอำเภอปราณบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของรถ เล่าด้วยความตกใจว่า หลังเลิกงานในอำเภอหัวหิน ขณะที่กำลังขับรถเก๋งคันดังกล่าวกลับบ้านที่อำเภอปราณบุรี เมื่อขับมาถึงบริเวณสะพานต่างระดับหนองแก สังเกตเห็นไฟสัญญาณเตือนบางอย่างแสดงผิดปกติที่แผงคอนโซล ประกอบกับเริ่มได้กลิ่นเหม็นไหม้ จึงตัดสินใจรีบนำรถเข้าจอดชิดบริเวณไหล่ทางเพื่อตรวจสอบ

ทันทีที่จอดและก้าวลงจากรถ ก็พบว่ามีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากบริเวณห้องเครื่องยนต์อย่างรวดเร็ว ด้วยสัญชาตญาณจึงรีบถอยห่างออกมาจากตัวรถทันที และรีบใช้โทรศัพท์มือถือโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นเพียงไม่กี่นาที เพลิงก็โหมลุกไหม้จากห้องเครื่องยนต์อย่างรุนแรงและลุกลามเผาผลาญตัวรถอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตา โชคดีที่ตนเองตัดสินใจออกจากรถก่อน จึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ ทั้งสิ้น

สำหรับสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุที่ชัดเจนต่อไป ขณะที่เจ้าของรถได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ยังโชคดีที่ปลอดภัยจากเหตุการณ์ระทึกนี้