เป็นเหตุการณ์จับชู้ที่เรียกเสียงฮือฮาบนโลกออนไลน์ เมื่อหญิงสาวชาวฮ่องกงรายหนึ่งได้บุกเข้าจับ ‘สามี’ ที่กำลังนั่งรับประทานอาหารกับหญิงสาวคนอื่นกลางร้านอาหารหรูในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นไวรัลและถูกกล่าวถึงอย่างมาก คือท่าทีของฝ่ายหญิงที่แม้จะมีการเผชิญหน้า แต่กลับไร้ซึ่งเสียงโวยวายหรือความรุนแรง มีเพียงความนิ่งและคำพูดที่เต็มไปด้วยพลัง จนชาวเน็ตต่างแสดงความประหลาดใจและชื่นชมในความ ‘สุภาพ’ ในการจัดการสถานการณ์นี้

ตามรายงาน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ภายในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน คลิปวิดีโอที่ถูกเผยแพร่แสดงให้เห็นภาพของหญิงสาวชาวฮ่องกงรายหนึ่ง เดินทางมาที่ร้านอาหารพร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง และพบว่า ‘สามี’ ที่อยู่กินด้วยกันมาถึง 13 ปี (แม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรส) กำลังนั่งรับประทานอาหารอย่างมีความสุขอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ที่คาดว่าเป็นชู้

สิ่งที่น่าทึ่งในสถานการณ์ที่มักจะเต็มไปด้วยอารมณ์นี้ คือปฏิกิริยาของฝ่ายหญิง เธอก้าวเข้าไปเผชิญหน้ากับทั้งคู่ด้วยท่าทีที่นิ่งสงบ แต่แฝงไปด้วยความเด็ดเดี่ยว เธอถามฝ่ายชายว่า “สนุกมากเลยสินะ ไม่คิดว่าฉันจะจับได้ใช่ไหม?” ก่อนจะหันไปถามหญิงสาวที่มาด้วยกันว่า “คุณรู้ไหมว่าเขามีเมียแล้ว?” หลังจากนั้น เธอได้ยื่นมือออกไปและยึดโทรศัพท์มือถือของทั้งสองคนมาไว้ในมือ

ในคลิปจะเห็นว่าผู้หญิงที่เป็นชู้พยายามใช้มือปิดบังใบหน้า และพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “มีอะไรออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ” ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกจากร้านไป ในขณะที่ฝ่ายชาย สามีของเธอ เลือกที่จะนั่งนิ่งๆ ไม่มีการโต้เถียงหรือต่อต้านใดๆ ต่อคำพูดของภรรยา แม้ว่าในช่วงหนึ่งฝ่ายหญิงจะใช้ถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรง แต่ระดับเสียงก็ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ได้ดังจนสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ลูกค้าคนอื่นๆ ในร้านยังคงนั่งรับประทานอาหารต่อไปโดยไม่ถูกรบกวนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

สาเหตุที่ทำให้ฝ่ายหญิงทราบเรื่องการนอกใจในครั้งนี้ มาจากการที่เธอพบข้อความบนนาฬิกาอัจฉริยะของสามี ซึ่งระบุว่าได้มีการจองโต๊ะอาหารสำหรับสองคน ทำให้เธอรู้สึกถึงความผิดปกติและตัดสินใจติดตามมาดู จนพบกับเหตุการณ์ดังกล่าว

วิดีโอนี้ได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวเน็ตในหลายแพลตฟอร์ม ต่างพากันแสดงความคิดเห็นชื่นชมในความใจเย็นและวิธีการรับมือที่ดู ‘สุภาพ’ แต่มีพลังของหญิงชาวฮ่องกงรายนี้ หลายคนบอกว่าหากเป็นตนเอง คงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ขนาดนี้ และคงจะโวยวายเสียงดังไปแล้ว นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตจำนวนมากที่แสดงความเห็นใจและเสียดายแทนฝ่ายหญิง ที่ต้องมาถูกหักหลังหลังจากที่อยู่เคียงข้างฝ่ายชายมานานถึง 13 ปี

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า การจัดการปัญหาความสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยความรุนแรงหรือการใช้เสียงเสมอไป การใช้ความนิ่งและเหตุผลที่เด็ดเดี่ยว ก็สามารถสร้างผลกระทบและสื่อสารความรู้สึกได้อย่างทรงพลังเช่นกัน

ที่มา: hk01