โฮมโปร เผยผลประกอบการ Q1/68 รายได้ 1.8 หมื่นล้าน กำไรลดเล็กน้อย รับกำลังซื้อชะลอ-อากาศแปรปรวน

กรุงเทพฯ – บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2568 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568) โดยมีรายได้รวม 18,654.46 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,707.38 ล้านบาท ซึ่งกำไรสุทธิลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความท้าทายจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรก

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” (HMPRO) เปิดเผยถึงภาพรวมผลประกอบการในไตรมาส 1 ปี 2568 ว่า รายได้รวมของบริษัทฯ อยู่ที่ 18,654.46 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิเท่ากับ 1,707.38 ล้านบาท การปรับตัวลดลงของรายได้และกำไรสุทธิส่วนหนึ่ง เป็นผลมาจากหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและบรรยากาศการจับจ่าย

ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โครงการ E-Receipt ที่มีวงเงินลดหย่อนสำหรับร้านค้าทั่วไปลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน (แบ่งเป็น 30,000 บาท สำหรับร้านค้าทั่วไป และ 20,000 บาท สำหรับวิสาหกิจชุมชนและร้านค้า OTOP) จำนวนวันทำการของเดือนกุมภาพันธ์ที่น้อยกว่าปีก่อนหน้า และสภาพอากาศที่ค่อนข้างแปรปรวน โดยประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนล่าช้าและมีฝนตกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ยอดขายสินค้าประเภทเครื่องทำความเย็น เช่น เครื่องปรับอากาศและพัดลม ปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ทำให้ยอดขายต่อสาขาเดิมลดลงในช่วงไตรมาสแรก

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของรายได้ค่าเช่า บริษัทฯ ยังคงมีการเติบโตที่ดี โดยมีรายได้ค่าเช่าจำนวน 471.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.46 ล้านบาท หรือ 4.54% จากปีก่อน เป็นผลมาจากการบริหารจัดการและจัดเก็บรายได้ค่าเช่าพื้นที่เช่าในสาขาของโฮมโปรและศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจได้มากขึ้น

นายวีรพันธ์ กล่าวยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 ยังคงเผชิญกับความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าระหว่างประเทศ หรือภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศที่มีอัตราการขยายตัวในระดับต่ำ ส่งผลให้การบริโภคภาคประชาชนยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง Easy E-Receipt ออกมา แต่การปรับหลักเกณฑ์ก็มีผลต่อมูลค่าการใช้สิทธิ์ในร้านค้าทั่วไป

สำหรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศเมียนมาช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ส่งผลกระทบมายังประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคเหนือและกรุงเทพมหานคร โฮมโปรได้ดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างอาคารสาขาและสำนักงานอย่างละเอียดแล้ว และไม่พบความเสียหายใดๆ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้เข้าสนับสนุนชุมชนและสังคมในการให้บริการตรวจสอบและประเมินความเสียหายที่อยู่อาศัยภาคครัวเรือน และเตรียมความพร้อมในการรองรับความต้องการสินค้าหมวดการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มสูงขึ้นหลังจากขั้นตอนการตรวจสอบและประเมินความเสียหายเสร็จสิ้น

กรรมการผู้จัดการโฮมโปรกล่าวย้ำถึงกลยุทธ์ในระยะต่อไปว่า โฮมโปรยังคงเดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจ ทั้งการพัฒนาแพลตฟอร์มมาร์เกตเพลสออนไลน์ ควบคู่กับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดกิจกรรม Double Day และกิจกรรมส่งเสริมการขายอื่นๆ เป็นประจำ พร้อมเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับความต้องการในกลุ่มสินค้าซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นในช่วงถัดไป เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *