โหน ธนากร ‘มนุษย์เครื่องจักร’ จากพระเอก 7HD สู่ศิลปินเต็มตัว Tero Music เปิดใจผู้ไม่หยุดนิ่ง พร้อมเรื่องหัวใจ

‘โหน’ ธนากร ศรีบรรจง เผยถึงบทบาทที่หลากหลาย ทั้งงานแสดงในละคร “โอป้าลำซิ่ง” ทางช่อง 7HD และก้าวสำคัญสู่การเป็นศิลปินเต็มตัวภายใต้สังกัด SoulMade Sound ค่าย Tero Music พร้อมปล่อยซิงเกิลเดบิวต์ “รอบเดียวพอ (Enough)” เจ้าตัวยังเปิดมุมมองการทำงานในฐานะ ‘มนุษย์เครื่องจักร’ ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และเรื่องราวความรักที่คอยเป็นพลังซัพพอร์ต

หลากหลายบทบาทในวงการบันเทิง

โหน ธนากร กำลังมีผลงานละคร “โอป้าลำซิ่ง” ซึ่งเป็นละครแนวเพลงคอมเมดี้หมอลำที่ผสมผสานความเป็นเกาหลีเข้าไป โดยเขารับบท “เดชชนะ” นักร้องหมอลำบ้านๆ ที่ถูกผลักดันให้ขึ้นมาเป็นนักร้องนำแทน

“ละคร ‘โอป้าลำซิ่ง’ เป็นละครเพลงคอมเมดี้ หมอลำ แต่ของเราเป็นแนวใหม่ หมอลำที่เป็นเกาหลี ต้นเรื่องจะเป็นหมอลำก่อน แล้วนางเอก เอกนรี รับบทโดย เกรซ พัชร์สิตา จะมาเปลี่ยนลุกส์ในวง ตัวผมชื่อเดชชนะ เป็นนักร้องหมอลำบ้านๆ เป็นเด็กเก็บของ เป็นนักดนตรีในวง แล้วมีนักร้องในวงคือ ต้าร์ รับบทโดย อ้น อัครวัฒน์ คาแร็กเตอร์เขาเอาแต่ใจ ไม่อยากร้อง ผมก็เลยโดนผลักดันให้ขึ้นไปร้องแทน” โหนกล่าว

นอกจากงานแสดง โหนยังได้ร้องเพลงประกอบละครเรื่องนี้อย่างเต็มที่ถึง 3 เพลง ได้แก่ เพลง “พูดไม่คิด” เวอร์ชั่นหมอลำ, เพลง “กาแฟมันขม ใส่ผมแทนนมได้ไหม” ที่มีท่อนแร็พ และเพลง “รู้ตัวเมื่อสาย อ้ายมันปึก” ซึ่งทำให้ได้ฝึกร้องเพลงหลากหลายแนว

ก้าวสู่การเป็นศิลปินเต็มตัว

แพสชั่นด้านดนตรีของโหนที่มีมานาน ได้ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งเมื่อผู้ใหญ่มองเห็นศักยภาพ

“เอาเรื่องเพลงก่อนดีกว่า เพลงคือแพสชั่นตั้งแต่เราเป็นวัยรุ่น นานแล้ว แต่วันนี้ผู้ใหญ่มองเห็นศักยภาพก็เลยให้โอกาส ทำให้แพสชั่นตรงนี้มันดันขึ้นมามากกว่าเดิม ตอนนี้นอกจากจะเป็นนักแสดงช่อง 7HD ผมก็ได้เป็นศิลปินค่าย SoulMade Sound สังกัด Tero Music ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายให้โอกาสเราเต็มที่ เห็นความตั้งใจของเราที่ชอบร้องเพลง ซึ่งก่อนหน้านี้ผมร้องเพลงประกอบละครมาเยอะ ก็เลยให้มาทำเพลง เซ็นสัญญากับ Tero Music ปล่อยซิงเกิลแรก ‘รอบเดียวพอ’ โปรดิวเซอร์คือคุณเอก Season Five”

ในการนำเสนอตัวตนในฐานะศิลปิน โหนและทีมงานได้ปรับลุกส์ให้มีความเป็นนักดนตรีมากขึ้น เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเป็นเพียงนักแสดงที่มาร้องเพลง โดยวางแนวเพลงเป็นป๊อป ฟังง่าย จังหวะมีเดียม

‘มนุษย์เครื่องจักร’ ผู้ไม่เคยหยุดนิ่ง

นอกเหนือจากงานแสดงและงานเพลง โหนยังเคยลองทำงานเบื้องหลัง ทั้งผู้จัดและผู้กำกับภาพยนตร์ รวมถึงการทำบริษัทจัดงานอีเวนต์

“โหนคือมนุษย์เครื่องจักรคนหนึ่ง เปรียบตัวเองเหมือนจิ้งจก เปลี่ยนสีได้ตลอดเวลา หมายความว่าอยู่ตรงไหนก็สามารถทำได้ทุกอย่าง งานแสดงเราไม่ทิ้งอยู่แล้ว วันนี้ได้โอกาสใหม่เป็นนักร้องก็ทำให้เต็มที่ ไปอยู่วงการหนังไปเล่นหนังแล้วก็ทำหนัง อยากไปอยู่เบื้องหลังไปทำรายการไปเป็นผู้จัด ก็ทำบริษัทของตัวเองจัดงานอีเวนต์ ทำหลายแขนงมาก ผมเชื่อว่าประสบการณ์ไม่มีวันเต็ม มันไม่พอสำหรับงานหรอก ก็เหมือนทำงานไปด้วยเก็บประสบการณ์ ให้มันบาลานซ์กัน”

แม้จะทำงานหลากหลาย โหนเผยว่าไม่ได้รู้สึกเหนื่อย แต่กลับสนุกกับสิ่งที่ทำ โดยมองว่าความสุขกับปัจจุบันสำคัญกว่าการคิดถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

เป้าหมายและความสุขกับการเดินทาง

สำหรับเป้าหมายความสำเร็จ โหนตั้งโกล์เล็กๆ ไว้สำหรับแต่ละงานที่ทำ แต่ไม่เคยเสียใจหากไม่สำเร็จ

“ถ้าวันนี้ผมทำไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร มันเหมือนปลงกับชีวิต เกิดมาครั้งหนึ่งเราได้ทำก็มีความสุขแล้ว แต่เราก็ต้องตั้งเป้าหมายไว้เพื่อพยายามไปให้ถึง ถ้าไม่ถึงก็ไม่เป็นไร เราก็หาโกล์ใหม่ แค่นั้นเอง”

พลังซัพพอร์ตจากคนข้างๆ

เบื้องหลังการทำงานหนักและบทบาทที่หลากหลาย โหนเผยว่าคนข้างๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก

“สิ่งสำคัญในการทำงานหนัก คนข้างๆ เราก็สำคัญมาก ความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนพ่อแม่ครอบครัว แฟน คอยซัพพอร์ตเราอย่างดี ตอนนี้ถามว่ามีคนข้างๆ ไหม มีครับ เป็นคนนอกวงการ คบมาครึ่งปีแล้ว ก็เป็นช่วงปรับตัวเรียนรู้กัน ผมเชื่อว่าความรักที่ดีไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหน เขาจะพาเราไปถึงเป้าหมายได้อย่างสบายที่สุด”

สิ่งที่ทำให้โหนเปิดใจกับคนคนนี้คือความเป็นคนใจกว้าง คอยซัพพอร์ตและให้กำลังใจเสมอ ส่วนเรื่องการเปิดเผยความสัมพันธ์ในฐานะนักแสดง โหนมองว่าในยุคนี้ชีวิตต้องดำเนินต่อไป หากเรามั่นใจและใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งทำงานเต็มที่แล้ว คนข้างๆ ก็สำคัญมาก และเชื่อว่าแฟนคลับที่รักจริงจะเข้าใจและซัพพอร์ตการตัดสินใจ

โดย วีรนุช จันทำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *