นครรัฐวาติกัน, 8 พฤษภาคม – ในช่วงเย็นของวันนี้ เวลาประมาณ 18.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น คริสตจักรคาทอลิกทั่วโลกได้รับสัญญาณแห่งความหวังและความปิติยินดี เมื่อกลุ่มควันสีขาวบริสุทธิ์ได้พวยพุ่งออกมาจากปล่องไฟที่ตั้งอยู่เหนือโบสถ์น้อยซิสทีน (Sistine Chapel) อันเป็นสัญลักษณ์ยืนยันว่า การประชุมลับของบรรดาพระคาร์ดินัล หรือ คอนเคลฟ (Conclave) เพื่อเลือกตั้งประมุของค์ใหม่แห่งพระศาสนจักรคาทอลิก ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว และได้สมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่เรียบร้อยแล้วในวันที่สองของการประชุมอันศักดิ์สิทธิ์นี้

การประชุมคอนเคลฟในครั้งนี้มีพระคาร์ดินัลผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเข้าร่วมทั้งสิ้น 133 รูป ซึ่งภายหลังจากการลงคะแนนเสียงที่ใช้เวลาเพียงไม่นาน พระคาร์ดินัลส่วนใหญ่ได้ตัดสินใจเลือก พระคาร์ดินัล โรเบิร์ต เพรโวสต์ (Cardinal Robert Prevost) อายุ 69 ปี จากสหรัฐอเมริกา ให้ดำรงตำแหน่งประมุขสูงสุดแห่งคริสตจักรคาทอลิก

พระคาร์ดินัล เพรโวสต์ ได้รับเลือกให้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ที่ 267 แห่งพระศาสนจักรคาทอลิก และทรงเลือกพระนามใหม่ว่า “สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอ ที่ 14” (Pope Leo XIV) การได้รับเลือกในครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง เนื่องจากสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอ ที่ 14 ทรงเป็นพระสันตะปาปาชาวอเมริกันพระองค์แรกในรอบกว่าสองพันปีของประวัติศาสตร์คริสตจักรคาทอลิก

หลังจากการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอ ที่ 14 พระองค์ใหม่จะเสด็จออกประทับยืน ณ ระเบียงกลางของมหาวิหารนักบุญเปโตร (St. Peter’s Basilica) ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมายาวนาน เพื่อแสดงพระองค์ต่อหน้ามวลคริสตชนและผู้ศรัทธาจำนวนมหาศาลที่มารอเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ ณ จัตุรัสนักบุญเปโตร (St. Peter’s Square)

จากนั้น พระองค์จะทรงให้พร ‘Urbi et Orbi’ (อูร์บิ เอต ออร์บิ) ซึ่งมีความหมายว่า ‘แด่กรุงโรมและทั่วโลก’ และมีพระดำรัสแรกในฐานะสมเด็จพระสันตะปาปาต่อคริสตชนและชาวโลก ถือเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความปิติและเป็นจุดเริ่มต้นของการนำพาพระศาสนจักรคาทอลิกไปสู่ยุคใหม่ภายใต้การนำของประมุของค์ใหม่จากทวีปอเมริกา

การเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่เกิดขึ้นหลังจากการสละสมณศักดิ์ของสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ก่อนหน้า การประชุมคอนเคลฟถูกจัดขึ้นอย่างเป็นความลับภายในโบสถ์น้อยซิสทีน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และจิตรกรรมฝาผนังอันงดงามของมิเกลันเจโล

นักวิเคราะห์มองว่า การเลือกพระคาร์ดินัลจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญบนเวทีโลก อาจส่งผลต่อทิศทางและนโยบายของคริสตจักรคาทอลิกในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นทางสังคมและภูมิรัฐศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ทุกสายตาจับจ้องไปที่พระดำรัสแรกของสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอ ที่ 14 เพื่อรับฟังวิสัยทัศน์และแนวทางในการบริหารพระศาสนจักรของพระองค์