ร้อนจัดอันตรายถึงชีวิต! กรมอนามัยเตือน ‘ฮีทสโตรก’ คุกคาม กทม.-35 จังหวัด ช่วง 23-24 เม.ย. ภูเก็ตร้อนสุดในประเทศ

กรุงเทพมหานคร, 23 เมษายน 2568 – กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ออกโรงเตือนประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครและอีก 35 จังหวัด ให้เฝ้าระวังอันตรายจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดเป็นพิเศษในช่วงวันที่ 23-24 เมษายน 2568 นี้ โดยเน้นย้ำถึงความเสี่ยงในการเกิดภาวะ ‘ฮีทสโตรก’ ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรงและอาจถึงแก่ชีวิตได้

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า จากการคาดการณ์สภาพอากาศในช่วงดังกล่าว พบว่าค่าดัชนีความร้อนในหลายพื้นที่ของประเทศไทยจะอยู่ในระดับอันตราย โดยเฉพาะที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับอันตรายมาก (สีแดง) ส่วนพื้นที่อื่นๆ อีก 36 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, พิจิตร, สุรินทร์, พังงา, ตาก, บึงกาฬ, หนองคาย, ตราด, ลำปาง, กระบี่, มหาสารคาม, กาฬสินธุ์, สระแก้ว, อุดรธานี, เพชรบูรณ์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี, ลพบุรี, จันทบุรี, ชุมพร, นครสวรรค์, เพชรบุรี, ปราจีนบุรี, นครราชสีมา, ระยอง, บุรีรัมย์, แม่ฮ่องสอน, สุโขทัย, สุราษฎ์ธานี, ชัยภูมิ, นครศรีธรรมราช, ปัตตานี, ร้อยเอ็ด และประจวบคีรีขันธ์ จะมีค่าดัชนีความร้อนอยู่ในระดับอันตราย (สีส้ม)

อธิบดีกรมอนามัยอธิบายเพิ่มเติมว่า ค่าดัชนีความร้อน คือ ค่าอุณหภูมิที่ร่างกายของคนเรารู้สึกได้ขณะนั้น (Feel like) ซึ่งได้จากการวิเคราะห์ร่วมกันระหว่างอุณหภูมิอากาศจริงกับความชื้นสัมพัทธ์ เพื่อบ่งชี้ระดับความเสี่ยงที่ร่างกายจะได้รับผลกระทบจากความร้อน

“เมื่อค่าดัชนีความร้อนอยู่ในระดับสีส้มไปจนถึงอันตรายมากระดับสีแดง จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพ ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยจากความร้อนได้หลายรูปแบบ เช่น ผื่น ตะคริว เพลียแดด ลมแดด และที่รุนแรงที่สุดคือ ฮีทสโตรก ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่อาจทำให้เสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที” พญ.อัมพร กล่าว

พญ.อัมพร ยังกล่าวถึงกลุ่มบุคคลที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้ง ผู้ที่ติดสุรา ผู้ที่มีภาวะทางจิตเวช ผู้ที่มีภาวะอ้วน และผู้ที่มีโรคประจำตัว นอกจากนี้ กรมอุตุนิยมวิทยา ยังแจ้งเตือนว่าในหลายพื้นที่จะมีสภาพอากาศแปรปรวน อาจมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงในบางแห่ง จึงควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในพื้นที่โล่งแจ้งเป็นเวลานาน และระวังอันตรายจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

ด้าน นพ.ธิติ แสวงธรรม รองอธิบดีกรมอนามัย ได้ให้คำแนะนำวิธีการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันอันตรายจากความร้อน ดังนี้

  • หมั่นติดตามข่าวพยากรณ์อากาศและค่าดัชนีความร้อนอย่างสม่ำเสมอ
  • ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆ โดยไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ และสังเกตสีปัสสาวะ หากมีสีเข้มแสดงว่าร่างกายขาดน้ำ ให้รีบดื่มน้ำทันที
  • งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มมึนเมา หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม
  • สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวม เบา และระบายอากาศได้ดี
  • หมั่นสังเกตอาการผิดปกติของตนเอง หากมีอาการน่าสงสัย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

นพ.ธิติ เสริมว่า สำหรับผู้ที่ทำงานกลางแจ้งหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ควรอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เพื่อช่วยกันสังเกตอาการซึ่งกันและกัน ส่วนผู้สูงอายุ ควรดื่มน้ำบ่อยๆ พักผ่อนให้เพียงพอ อยู่ในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในช่วงที่อากาศร้อนจัด และสังเกตอาการผิดปกติเป็นพิเศษ

ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลพยากรณ์อากาศและค่าดัชนีความร้อนจากกรมอุตุนิยมวิทยา หรือแนวทางการป้องกันผลกระทบจากความร้อนจากกรมอนามัย รวมถึงประเมินความเสี่ยงตนเองผ่านแบบสำรวจอนามัยโพลได้

หากมีอาการผิดปกติที่บ่งชี้ถึงภาวะฮีทสโตรก เช่น ผิวหนังร้อนแดงโดยไม่มีเหงื่อ ชีพจรเต้นเร็วและแรง ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ สับสน พูดจาสับสน กระวนกระวาย มีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ก้าวร้าว ประสาทหลอน ซึมลง เป็นลม หรือหมดสติ ควรรีบทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณหลังคอ รักแร้ และขาหนีบ เพื่อช่วยลดอุณหภูมิร่างกายให้เร็วที่สุด จากนั้นให้รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที หรือโทรแจ้งสายด่วนทางการแพทย์ 1669

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมอนามัย 1478 หรือ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *