กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง จากเหตุการณ์ของนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ หรือ “พีช” หนุ่มขับรถ BMW ป้ายแดง ที่ก่อนหน้านี้ได้พยายามเข้าขอโทษลูกสาวของคู่กรณีลุงกระบะ แต่การเข้าขอโทษดังกล่าวถูกคัดค้านโดยนายกัน จอมพลัง ซึ่งเดินทางไปกับฝ่ายผู้เสียหาย โดยนายกันให้เหตุผลว่า ยังไม่ควรมีการคุกเข่าขอโทษโดยที่ยังไม่ได้พูดคุยตกลงกัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำภาพไปใช้ลดหย่อนโทษทางคดี

ล่าสุด โซเชียลมีเดียได้มีการแชร์ข้อความและภาพจากเพจเฟซบุ๊กหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า “สป.สายไหม” ซึ่งได้โพสต์ข้อความโจมตีอย่างรุนแรง โดยระบุถึงบุคคลที่เรียกว่า “ป๊า” พร้อมพาดพิงถึงนายกัน จอมพลัง ด้วยถ้อยคำที่ดุเดือดและมีลักษณะข่มขู่ โพสต์ดังกล่าวระบุทำนองว่า “ป๊ากูไม่ใช่เพื่อนเล่นมึง อย่าทะลึ่ง… มึงบอกพวกกูอิทธิพล มึงนั่นแหละอิทธิพล ทำตัวเหมือนมาเฟีย มีคนติดตาม ป๊ากูก็มีลูกน้องเยอะแยะ เค้ายังไม่เอาไปเลยที่ สน. เค้าไม่ใช่มาเฟียเหมือนมึง ทำตัวเหมือนตำรวจ สั่งตำรวจได้ ชี้นำตำรวจ ทำตัวใหญ่กว่าศาล”

เพจ “สป.สายไหม” ยังอ้างว่า พวกตนไม่มีอิทธิพล มีแต่ความดี ช่วยเหลือชาวบ้าน แต่ไม่ชอบออกสื่อ พร้อมท้าทายด้วยการให้จำชื่อไว้ “กู สป สายไหม” และแสดงความไม่พอใจที่อีกฝ่ายไม่ยินยอมอะไรง่ายๆ พร้อมถามว่า “ต้องการอะไรอีก” และปิดท้ายด้วยการท้าทายกลับต่อนายกัน จอมพลัง ที่ระบุว่าจะไม่กลัวผู้มีอิทธิพล โดยเพจดังกล่าวก็ยืนยันว่า “กูก็ไม่กลัวมึงเหมือนกัน” การใช้ถ้อยคำในโพสต์ดังกล่าวมีความหยาบคายและก้าวร้าวอย่างยิ่ง

ในขณะเดียวกัน นายกัน จอมพลัง ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวเพื่อโต้ตอบโพสต์ดังกล่าว โดยเล่าเป็นลักษณะนิทาน พาดพิงถึงเหตุการณ์เก่าเมื่อปี 2565 ที่ตนเคยประสานงานกับผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรลำลูกกาเพื่อเข้าจับกุมบ่อนการพนัน และอ้างว่ามี “หมาตัวนึง” ที่เห่าหอนในตอนนั้น ได้เข้ามาขอเจรจากับตนหลังบ่อนถูกจับ แต่ตนไม่ยอม เพราะ “ไม่อยากเปื้อนอะไรโสมม” ซึ่งนายกันเปรียบเปรยว่า “หน้าแหกเหมือนพ่อ”

นายกันยังคงโต้กลับด้วยคำถามถึงผู้ที่โพสต์จากเพจ “สป.สายไหม” ว่า “เด็กน้อยปลายแถวที่ลงรูปยังต้องอ้างพ่ออยู่เลยอย่างมึง ก่อนจะโพสได้ขออนุญาตพ่อยัง หรือพ่อเขินเลยต้องให้ลิ่วล้อออกตัวแทน” พร้อมทั้งตั้งคำถามทิ้งท้ายอย่างดุเดือดว่า “แล้วสรุปมึงแค้นแทนพ่อ หรือแค้นเรื่องบ่อน” เป็นการตอกย้ำถึงการเชื่อมโยงประเด็นปัจจุบันเข้ากับเหตุการณ์ในอดีต

เหตุการณ์โต้ตอบผ่านโซเชียลมีเดียครั้งนี้ ยิ่งทำให้สถานการณ์ที่เริ่มต้นจากอุบัติเหตุธรรมดาทวีความซับซ้อนและตึงเครียดมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งที่ลุกลามไปในหลายมิติ ทั้งในเรื่องข้อพิพาททางกฎหมาย ประเด็นสังคม และการใช้อำนาจหรืออิทธิพลในรูปแบบต่างๆ