ออมสิน ขานรับ กนง. ลดดอกเบี้ย ‘เงินกู้-เงินฝาก’ มีผล 14 พ.ค. 2568
ออมสิน ขานรับ กนง. ลดดอกเบี้ย ‘เงินกู้-เงินฝาก’ มีผล 14 พ.ค. 2568
กรุงเทพฯ – ธนาคารออมสิน ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งประเภทเงินกู้และเงินฝาก เพื่อตอบสนองต่อมติของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ได้มีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี โดยการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป
นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า การตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายธนาคารที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนและผู้ประกอบการ ลดภาระต้นทุนทางการเงิน และสอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของประเทศ
สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ธนาคารออมสินได้ดำเนินการปรับลดในอัตราที่มากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MOR – Minimum Overdraft Rate) ปรับลดลง 0.15% ต่อปี ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย MOR ใหม่ อยู่ที่ 6.345% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR – Minimum Loan Rate) ปรับลดลง 0.075% ต่อปี ทำให้อัตราดอกเบี้ย MLR ใหม่ อยู่ที่ 6.575% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป (MRR – Minimum Retail Rate) ปรับลดลง 0.05% ต่อปี ทำให้อัตราดอกเบี้ย MRR ใหม่ อยู่ที่ 6.545% ต่อปี
นายวิทัย กล่าวย้ำว่า แม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง แต่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทั้ง 3 ประเภทของธนาคารออมสิน (MOR, MLR, MRR) ยังคงเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ 6 แห่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทของธนาคารออมสินในการเป็นสถาบันการเงินเพื่อสังคม ที่พร้อมช่วยเหลือประชาชนในภาวะที่เศรษฐกิจยังคงมีความท้าทาย
ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ทางธนาคารก็ได้มีการปรับลดลงเล็กน้อยเช่นกัน โดยอยู่ในช่วงระหว่าง 0.05 – 0.10% ต่อปี การปรับลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ สะท้อนถึงความตั้งใจของธนาคารออมสินที่จะส่งผ่านผลประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ไปยังผู้กู้เป็นหลัก เพื่อช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนในระบบเศรษฐกิจ
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่มากกว่าเงินฝากในครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยลดภาระหนี้ให้กับผู้กู้สินเชื่อประเภทต่างๆ ของธนาคารออมสินได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งถือเป็นมาตรการสำคัญในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระดับฐานราก