นครศรีธรรมราช – ความคืบหน้าคดีสะเทือนขวัญฆ่ายายวัย 89 ปี ยัดกระสอบชิงทรัพย์ ล่าสุดผลชันสูตรชี้ชัดสาเหตุการตายขัดแย้งคำให้การผู้ต้องหา ขณะที่ญาติไม่ปักใจเชื่อเรื่องการชิงทรัพย์เพียงอย่างเดียว ตำรวจเผยเบื้องหลังหลบหนีไปเกาะสมุยไม่ธรรมดา ผู้ต้องหาตั้งใจไปตามล่าอดีตภรรยาที่ทอดทิ้ง เตรียมพิจารณาตั้งข้อหาฆ่าโดยทารุณโหดร้ายเพิ่ม

จากกรณี นายเจริญ หรือ เตี้ย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี วินจักรยานยนต์รับจ้าง ก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์ นางหนูนิล (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 89 ปี ก่อนหลบหนีไปกบดานที่เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และถูกจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยเบื้องต้นนายเจริญสารภาพว่าต้องการเงินไปให้ลูก ยอมสำนึกผิดแต่ไม่ยอมไปขอขมาศพและไม่ยอมทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ซึ่งถูกตั้งข้อหาหนักไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช นายเจริญยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ในห้องขัง โดยพนักงานสอบสวนเตรียมนำตัวออกมาสอบปากคำอย่างละเอียดเพิ่มเติมอีกครั้ง ก่อนจะครบกำหนดการควบคุมตัว 48 ชั่วโมงในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ หลังจากนั้นจะนำตัวไปขออำนาจศาลผลัดฟ้องฝากขังต่อไป

ขณะที่ศพของนางหนูนิล ครอบครัวได้นำมาตั้งบำเพ็ญกุศลในศาลาวัดสวนหลวง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช บรรดาญาติลูกหลานต่างช่วยกันจัดเตรียมงานด้วยความโศกเศร้า อย่างไรก็ตาม ยังเกิดเรื่องเคราะห์ซ้ำกรรมซัดขึ้นอีก เมื่อหลานของนางหนูนิล ได้ขับรถจักรยานยนต์ไปซื้อ “แป้งข้าวหมาก” ซึ่งเป็นของโปรดของยายเพื่อจะนำมาตั้งที่หีบศพ แต่กลับถูกคนร้ายโจรกรรมรถจักรยานยนต์ที่จอดไว้หน้าตลาดจนสูญหายไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ประเด็นสำคัญที่ทำให้คดีนี้ซับซ้อนขึ้น คือ ผลการชันสูตรศพของนางหนูนิลที่ญาติได้นำหลักฐานออกมา โดยในใบรับรองสาเหตุการตายระบุชัดเจนว่า “ไขสันหลังส่วนคอฉีกขาดจากกระดูกสันหลัง บริเวณลำคอหัก” ซึ่งผลชันสูตรเชิงลึกฉบับเต็มจะถูกส่งให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีในภายหลัง

ผลการชันสูตรดังกล่าวทำให้ญาติไม่เชื่อคำรับสารภาพของนายเจริญ เนื่องจากไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่พบ นอกจากบาดแผลทารุณที่ใบหน้า ปาก และจมูกเต็มไปด้วยโคลนแล้ว ญาติยังตั้งข้อสังเกตว่ากระสอบที่ใช้ใส่ศพมีสภาพใหม่มาก คาดว่าผู้ต้องหามีการเตรียมการมาก่อนที่จะลงมือก่อเหตุ

ด้านแหล่งข่าวระดับสูงเปิดเผยว่า คำให้การของนายเจริญอาจยังไม่ตรงกับพฤติการณ์ของคดีตามความจริง โดยเฉพาะรายงานผลการชันสูตรศพที่ไม่ตรงกับคำให้การของผู้ต้องหา ชี้ให้เห็นความเป็นไปได้ว่าขณะผู้ตายอยู่ในสภาพคว่ำหน้านั้น น่าจะถูกทำร้ายบริเวณต้นคอด้านหลังอย่างรุนแรง เช่น การกระทืบ ทำให้คอหักและไขสันหลังต้นคอฉีกขาด ซึ่งต้องรอรายงานการชันสูตรฉบับเต็มมายืนยันให้ชัดเจน และหากเป็นไปตามผลชันสูตรที่ระบุความรุนแรงนี้ ผู้ต้องหาอาจถูกตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นด้วยการกระทำทารุณโหดร้าย เพื่อการชิงทรัพย์ เพิ่มเติมได้อีก

นอกจากนี้ รายงานการสืบสวนยังพบข้อมูลที่น่าตกใจเกี่ยวกับสาเหตุที่นายเจริญตัดสินใจหลบหนีมุ่งหน้าไปยังเกาะสมุย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เขาเคยอาศัยอยู่ ไม่ได้เป็นเพียงการหนีเพื่อซ่อนตัวเท่านั้น แต่มีเป้าหมายแอบแฝงคือ ตั้งใจตามหาภรรยาเก่าที่ทิ้งหนีออกจากบ้านไป และทราบว่าภรรยาได้ไปอยู่ที่เกาะสมุย นายเจริญจึงเดินทางไปเพื่อสะสางความแค้นส่วนตัว ถึงขั้นตั้งใจจะเอาชีวิตอดีตภรรยา แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน