ผู้ว่า สตง. ยันไม่หนักใจคดี ลั่นใครทำอะไรไว้ต้องรับกรรม หนีไม่พ้น ‘กฎแห่งกรรม’
ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ยันไม่หนักใจคดีความ ย้ำทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย พร้อมกล่าวถึง “กฎแห่งกรรม” เชื่อทุกคนหนีไม่พ้นผลของการกระทำ ชี้แจงกรณีถูก DSI สอบปากคำ ปมฮั้วประมูลและนอมินี ยืนยันความร่วมมือกับทุกหน่วยงานตรวจสอบ
นายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม หลังถูกสอบถามถึงความคืบหน้าคดีความต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของ สตง.
นายมณเฑียร กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เข้าสอบปากคำตนเองว่า เป็นเรื่องที่ต้องไปสอบถามทาง DSI และเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเป็นคดีอาญา ส่วนประเด็นเรื่องการฮั้วประมูลและนอมินี ก็เป็นเรื่องที่ต้องรอผลการสอบสวนจาก DSI เช่นกัน และกรณีการออกหมายจับวิศวกรและผู้ที่เกี่ยวข้องนั้น ก็เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงกรณีที่ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างฯ ได้ตำหนิการไม่เข้าร่วมชี้แจงของ สตง. โดยระบุว่า “ต้องมีความเป็นลูกผู้ชายมากกว่านี้” ซึ่งในประเด็นนี้นายมณเฑียรไม่ได้ตอบคำถาม
ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามย้ำถึงความหนักใจในเรื่องคดีความต่างๆ นายมณเฑียร ยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “ไม่หนักใจเรื่องคดี” ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย และชี้แจงว่าแม้ตนเองจะดูเหมือนอยู่เฉยๆ แต่กระบวนการดำเนินคดีนั้นมีหลายหน่วยงานที่ดูแลอยู่แล้ว และมีคณะกรรมการสอบสวนหลักของรัฐบาลซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ทำการสอบสวนทั้งด้านวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ ซึ่งเชื่อว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังรอผลจากคณะกรรมการชุดหลักนี้
ผู้ว่าฯ สตง. กล่าวต่อว่า DSI กำลังดำเนินการเรื่องการฮั้วประมูลและนอมินี ซึ่งต้องรอผลสรุป ส่วนพนักงานสอบสวนของตำรวจกำลังดำเนินการเรื่องคดีอาญาที่เกี่ยวกับผู้เสียชีวิต ขณะที่คณะกรรมาธิการต่างๆ ก็มีการเรียก สตง. ไปชี้แจงข้อเท็จจริงกว่า 10 คณะ และในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ได้รับเรื่องไปแล้ว ก็อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่ง สตง. ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการตรวจสอบภายในของ สตง. เอง ที่เข้ามาขอเอกสารหลักฐานเพื่อนำไปตรวจสอบ โดยนายมณเฑียร ย้ำว่า สตง. พร้อมให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกับทุกหน่วยงานตามขั้นตอน และยอมรับผลการตรวจสอบทุกเรื่องทุกกรณี หากไม่มีภารกิจอื่นใด ก็พร้อมเข้าชี้แจงอย่างเต็มที่
นายมณเฑียร ชี้แจงถึงระยะเวลาการดำรงตำแหน่งว่า “ผมเพิ่งรับโปรดเกล้าแต่งตั้งมาไม่ถึงปี เพราะฉะนั้นกระบวนการที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา หากถามถึงเรื่องในช่วงเวลาก่อนหน้านั้น เราก็จะมอบหมายเจ้าหน้าที่ที่รู้เรื่องจริงๆ ไปตอบ ในฐานะผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง ส่วนผมที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ก็ตอบได้ในส่วนที่ผมต้องรับผิดชอบ ก็ขอแต่แค่นี้แล้วกัน”
เมื่อถูกถามถึงประเด็นการแก้ไขแบบแปลนและปล่องลิฟต์ ผู้ว่าฯ สตง. กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปสอบถามผู้ที่รับผิดชอบโดยตรง
ส่วนกรณีที่ผู้รับเหมาอย่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เคยระบุว่าต้องทำงานตามงบประมาณ ซึ่งบางอย่างต้องมีการปรับแก้เพื่อลดงานนั้น มีส่วนใดของโครงการที่อนุญาตให้ปรับแก้ตามงบประมาณหรือไม่ นายมณเฑียร ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมาตรฐานทางวิศวกรรม โดยการแก้ไขแบบแปลนนั้นจะต้องมีการจ้างผู้ออกแบบ และต้องได้รับความยินยอมจากผู้ออกแบบตามหลักวิศวกรรม ซึ่งเป็นหลักการปกติ “ใครจะพูดอะไรก็ได้แต่หลักการทางกฎหมายมันมี ฉะนั้นเรายึดตามกฎหมาย และตามระเบียบ และมาตรฐานทางวิศวกรรม”
นายมณเฑียร กล่าวทิ้งท้ายอย่างหนักแน่นในประเด็นความรับผิดชอบว่า “เราอย่าเอาความรู้สึก อย่าเอาทุกสิ่งที่เขาพูดมา ทุกคนพยายามโดดหมด แต่ทุกคนใครก็ตามที่จะหนี ก็หนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม ใครที่ทำอะไรไว้ก็ต้องรับกรรมของผลการกระทำ”
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเพิ่มเติมว่า ต้องการจะกล่าวคำขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากหรือไม่ นายมณเฑียร ตอบว่า เป็นเรื่องของความเสียใจที่เหตุการณ์เกิดขึ้น ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เกิด และทาง สตง. ได้แถลงแสดงความเสียใจตั้งแต่วันแรกแล้ว
สำหรับกรณีที่ญาติของผู้เสียหายบางรายระบุว่ายังไม่ได้รับคำขอโทษที่จริงจังจากทาง สตง. นั้น นายมณเฑียร ได้หัวเราะแล้วกล่าวว่า “ผมว่านะ ไปถามญาติตรงๆ อย่าไปฟังคนอื่น คนของ สตง. ทุกคน ไปพบญาติของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนป่วยหรือเสียชีวิต เราส่งเจ้าหน้าที่ไปทุกคนทุกจังหวัด เพราะฉะนั้นทุกคนจะได้รับคำกล่าวขอโทษ และร่วมงานในพิธีทุกคน อย่าไปฟังข่าว เอาที่จริง”
ผู้สื่อข่าวพยายามขอให้นายมณเฑียรกล่าวคำขอโทษจากปากอีกครั้ง แต่ผู้ว่าฯ สตง. ไม่ได้ตอบคำถามก่อนจะเดินทางกลับทันที