ราคาทองคำพุ่งแตะ 3,500 ดอลลาร์ สะท้อนความตึงเครียดสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า ราคาทองคำตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้นถึง 460 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 17.48% โดยปัจจัยหลักมาจากความกังวลต่อนโยบายภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐและจีน

ทั้งนี้ สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกได้บานปลาย จนจีนถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูงถึง 125% ส่งผลให้ราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทางวายแอลจีได้ประเมินสถานการณ์ออกเป็น 2 แนวทางหลัก ได้แก่

  1. หากการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จและความตึงเครียดยืดเยื้อ อาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือ stagflation ซึ่งจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงในระยะแรก ก่อนจะ反弹ขึ้นแรงในระยะต่อไป โดยมีเป้าหมายที่ระดับ 3,300-3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์
  2. หากทั้งสองฝ่ายสามารถหาจุดร่วมได้ จะทำให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง โดยมีเป้าหมายราคาอยู่ที่ระดับ 3,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังมองว่าแรงขายทำกำไรในปัจจุบันเป็นเพียงปรากฏการณ์ระยะสั้น คล้ายกับช่วงการระบาดของโควิด-19 ที่ทองคำยังคงสถานะสินทรัพย์ปลอดภัย โดยคาดว่าการพักตัวนี้จะเป็นโอกาสดีสำหรับนักลงทุนในการสะสมทองคำ

ปัจจัยสนับสนุนสำคัญคือความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้เฟดต้องผ่อนคลายนโยบายการเงิน ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนตัวและหนุนราคาทองคำต่อไป

สำหรับนักลงทุนที่สนใจ สามารถพิจารณาการลงทุนในตลาดฟิวเจอร์สทองคำ ซึ่งใช้เงินลงทุนเพียง 10% ของราคาทองคำจริง และสามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *