ปม สาว 18 แจ้งจับ รปภ. ล่วงละเมิดสถานีรถไฟอุดรฯ – กล้องวงจรปิด-ตั๋วรถไฟ สวนทางคำให้การ

อุดรธานี – วันที่ 19 เมษายน 2568 เวลา 03.30 น. ร.ต.อ.สรวิศิษฎ์ มีเพียร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุอนาจารที่สถานีรถไฟอุดรธานี ถนนประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงได้ประสาน ร.ต.อ.ถิรโยธิน ทรัพย์สิน รอง สวป. และกำลังสายตรวจ 191 เดินทางไปตรวจสอบทันที.

ที่เกิดเหตุ พบ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นผู้แจ้งเหตุ โดย น.ส.เอ อ้างว่าถูก นายมณเทียร อายุ 53 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของสถานีรถไฟ ทำการล่วงละเมิดทางเพศในห้องน้ำเจ้าหน้าที่.

น.ส.เอ ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนว่า ตนเดินทางมาจาก จ.สกลนคร หลังไปเยี่ยมแฟนที่ป่วย และตั้งใจจะต่อรถไฟจาก บขส.อุดรธานี กลับไปยัง จ.พระนครศรีอยุธยา โดยอ้างว่าได้จองตั๋วรถด่วน หนองคาย-กรุงเทพฯ ไว้แล้ว แต่เนื่องจากมาถึงสถานีรถไฟไม่ทัน ทำให้ตกรถไฟขบวนดังกล่าว จึงต้องนั่งรอเพื่อขึ้นรถไฟขบวนเช้าแทน.

น.ส.เอ เล่าต่อว่า ขณะที่นั่งรออยู่ช่วงกลางดึก นายมณเทียร รปภ. ได้เข้ามาสอบถามและเมื่อทราบว่าตนตกรถไฟ จึงบอกให้ตนไปนอนรอที่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ในโถงสถานี ซึ่งตนก็ทำตาม ต่อมาเวลาประมาณ 02.00 น. รปภ.คนดังกล่าวก็ได้เรียกให้ตนย้ายไปนอนที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ รปภ. โดยเปิดพัดลมให้ จนกระทั่งเวลาประมาณ 03.08 น. นายมณเทียร ได้มาปลุกตน โดยอ้างว่าตีสามแล้ว และได้ใช้มือตบที่บริเวณก้นของตนถึง 3 ครั้ง ตนรู้สึกตกใจมาก จึงรีบหนีไปนั่งที่บริเวณจุดวางกระเป๋าสัมภาระ จากนั้นไม่นาน นายมณเทียร ก็เดินตามมาและบอกว่าห้องน้ำเปิดแล้ว แต่ตนบอกว่ายังไม่ปวดและหากต้องการเข้าจะไปเอง อย่างไรก็ตาม นายมณเทียร ก็ยังคงพูดเซ้าซี้ให้ไปเข้าห้องน้ำ.

น.ส.เอ อ้างว่า เมื่อตนลุกขึ้นเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำตามที่ถูกคะยั้นคะยอ แต่นายมณเทียร กลับพาเดินไปยังบริเวณห้องเก็บของแทน โดยอ้างว่าเป็นห้องน้ำพนักงาน เมื่อเปิดประตูให้ตนเข้าไปได้เพียงเล็กน้อย นายมณเทียร ก็ได้ปิดประตูตามเข้ามาและดันตนเข้าไปภายในห้องน้ำ ก่อนจะเริ่มทำการไซ้ที่บริเวณคอ โอบเอว และพยายามสัมผัสหน้าอกและอวัยวะเพศของตน ตนพยายามปัดป้องและร้องขอความช่วยเหลือ แต่นายมณเทียร พูดว่า “ขอกอดอย่างเดียวได้ไหม” และยังคงทำการล่วงละเมิดโดยการใช้นิ้ว ตนตัดสินใจใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักนายมณเทียร จนเสียหลักไปโดนลังกระดาษ ทำให้ตนมีโอกาสหนีออกมาและรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ.

ด้าน นายมณเทียร รปภ. ผู้ถูกกล่าวหา ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสื่อมวลชน ยืนยันปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยเล่าเหตุการณ์อีกมุมหนึ่งว่า เมื่อคืนตนเข้าเวรและพบผู้หญิงคนดังกล่าวนั่งอยู่ด้านนอกสถานี ซึ่งอาจเป็นอันตราย จึงได้แนะนำให้เข้ามานั่งรออยู่ด้านใน และได้ให้ไปนอนพักที่ด้านในเคาน์เตอร์ รปภ. เพราะเห็นว่าต้องรอรถไฟถึงเช้า.

นายมณเทียร กล่าวว่า จนกระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. ตนเห็นหญิงสาวมีท่าทีหงุดหงิดและลุกลี้ลุกลน จึงสอบถามว่าปวดปัสสาวะหรือไม่ ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้า ตนจึงอาสาพาไปห้องน้ำพนักงานซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียง และได้ช่วยพยุงเดินไปด้วย เนื่องจากเห็นว่าหญิงสาวมีสีหน้าเหมือนคนไม่สบาย ตนได้เปิดประตูห้องน้ำให้และกำลังจะเดินเข้าไปเปิดไฟ แต่หญิงสาวกลับบอกว่าไม่เข้าแล้วและเดินออกมา จากนั้นไม่นานก็เห็นหญิงสาวร้องไห้และวิ่งออกไปด้านล่าง ตนรู้สึกงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ตามไปสอบถามอะไร จนกระทั่งตนกลับไปที่บ้านพักชั่วคราวเพื่อไปเอาพัดลมที่ใบพัดแตก พอกลับมาที่สถานี ก็พบเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงสอบถามเพื่อน รปภ. ด้วยกัน และทราบว่าหญิงสาวคนดังกล่าวไปแจ้งความว่าถูกตนลวนลาม.

“ผมยืนยันว่าผมไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ลวนลามเขาเลย ตำรวจถามผมว่าจะยอมรับหรือไม่ ผมก็บอกว่าไม่ยอมรับ เพราะผมไม่ได้ทำจริง ๆ ผมไม่รู้จะหาหลักฐานหรือพยานจากไหนมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ เพราะตรงบริเวณห้องน้ำนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด” นายมณเทียร กล่าว.

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม โดยได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟอุดรธานี เพื่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดที่สถานี พบภาพขณะที่ น.ส.เอ นอนพักอยู่หลังเคาน์เตอร์ รปภ. จากนั้น นายมณเทียร ได้เดินเข้ามาปลุก แต่ น.ส.เอ ยังไม่ตื่น นายมณเทียร จึงใช้มือตบไปที่บริเวณก้นของ น.ส.เอ เพียง 1 ครั้ง จากนั้น น.ส.เอ ได้ลุกขึ้นและเดินไปนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บริเวณที่จอดรถเข็นสำหรับผู้โดยสาร ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ รปภ. ไม่นาน นายมณเทียร ได้เดินไปหาและพาไปที่ห้องน้ำ โดย น.ส.เอ ได้ยื่นมือให้ นายมณเทียร ช่วยดึงให้ลุกขึ้น ก่อนจะพากันเดินไปเข้าห้องน้ำพนักงาน.

ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่า ทั้งสองคนเข้าไปในบริเวณห้องน้ำพนักงานเป็นเวลาประมาณ 1 นาที จากนั้น น.ส.เอ ก็เดินออกมาตามปกติ ไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือเร่งรีบแต่อย่างใด โดยมีนายมณเทียร เดินตามออกมาในเวลาใกล้เคียงกัน.

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามไปยังพนักงานจำหน่ายตั๋วรถไฟที่สถานีรถไฟอุดรธานี เกี่ยวกับคำกล่าวอ้างของ น.ส.เอ ที่ว่าได้จองตั๋วรถไฟขบวนรถด่วน หนองคาย-กรุงเทพฯ เพื่อเดินทางกลับอยุธยา แต่มาไม่ทันรถ ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลการจองตั๋วโดยสารในระบบทั้งหมด ไม่พบว่ามีชื่อของ น.ส.เอ ทำการจองตั๋วรถไฟในขบวนใด ๆ ตามที่ได้กล่าวอ้างไว้.

ข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและข้อมูลการจองตั๋วรถไฟ แสดงให้เห็นภาพและข้อมูลที่แตกต่างจากคำให้การของ น.ส.เอ อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี จะต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานและคลี่คลายข้อเท็จจริงในคดีนี้ต่อไป.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *