ธอส. สุดแกร่ง! ไตรมาสแรกปี 68 สินเชื่อใหม่พุ่งกระฉูด 34.34% ย้ำภารกิจ ‘ทำให้คนไทยมีบ้าน’
ธอส. สุดแกร่ง! ไตรมาสแรกปี 68 สินเชื่อใหม่พุ่งกระฉูด 34.34% ย้ำภารกิจ ‘ทำให้คนไทยมีบ้าน’
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ประกาศผลการดำเนินงานที่น่าพอใจในไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม-มีนาคม) โดยสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้สูงถึง 47,414 ล้านบาท เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 34.34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนความสำเร็จในการสนับสนุนให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองตามพันธกิจหลักของธนาคาร
นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐที่มีบทบาทสำคัญในการ ‘ทำให้คนไทยมีบ้าน’ ธอส. มุ่งมั่นดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการคลังอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 แสดงให้เห็นถึงความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ยังคงมีอยู่สูง โดย ธอส. สามารถอนุมัติสินเชื่อใหม่ได้จำนวน 47,414 ล้านบาท จากลูกค้าจำนวน 41,817 บัญชี ซึ่งคิดเป็นการเติบโตถึง 34.34% และ 51.95% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2567 ที่น่าสนใจคือ กว่า 24,867 บัญชี หรือคิดเป็น 37% ของจำนวนลูกค้าใหม่ เป็นสินเชื่อสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางที่ขอวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ ธอส. ในการดูแลกลุ่มเป้าหมายหลักนี้
เมื่อพิจารณาภาพรวมผลประกอบการ ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2568 เทียบกับสิ้นปี 2567 พบว่า ธอส. ยังคงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีสินเชื่อคงค้างรวมทั้งสิ้น 1,811,481 ล้านบาท (+0.63%) สินทรัพย์รวม 1,899,914 ล้านบาท (+0.82%) และเงินฝากรวม 1,644,364 ล้านบาท (+0.85%) แม้ว่าหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 104,537.17 ล้านบาท หรือ 0.82% ของยอดสินเชื่อรวม แต่ ธอส. ได้ตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูงไว้สูงถึง 153,436 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อ NPL ที่ระดับ 146.78% ซึ่งสะท้อนถึงความรอบคอบและพร้อมรับมือกับความเสี่ยงในอนาคต นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ยังคงอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 15.59% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำหนดที่ 8.50% มาก
ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ ธอส. สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้จำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา มาจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านที่หลากหลายและมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทั้งในกลุ่ม Social Solution ที่เน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และกลุ่ม Business Solution สำหรับผู้มีรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
นอกจากนี้ ธอส. ยังคงให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญหาในการผ่อนชำระ ผ่านโครงการต่างๆ เช่น โครงการคุณสู้ เราช่วย ซึ่งได้ดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงการคลังและ ธปท. โดยมีลูกค้าเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 21,483 ราย คิดเป็นวงเงินต้นคงเหลือกว่า 25,558 ล้านบาท
นายกมลภพ กล่าวถึงความมั่นใจในการดำเนินงานตลอดทั้งปี 2568 ว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญคือ มาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลที่ลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองเหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท ซึ่งมีผลถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2569 รวมถึงการประกาศผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ชั่วคราวของ ธปท. ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ถึง 30 มิถุนายน 2569 สำหรับที่อยู่อาศัยทุกระดับราคา ซึ่งมาตรการเหล่านี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์และช่วยระบายสต็อกที่อยู่อาศัยในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ภาพรวมสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งระบบเติบโตได้ดียิ่งขึ้น
ในปี 2568 นี้ ธอส. จะยังคงเดินหน้าสนับสนุนให้คนไทยมีบ้านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง ด้วยการนำเสนอสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำที่เข้าถึงง่าย ควบคู่ไปกับการยกระดับบริการด้านดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกและเสริมความปลอดภัยให้กับลูกค้า
โครงการพัฒนาบริการดิจิทัลที่สำคัญของ ธอส. ในปี 2568
- โครงการยกระดับการเฝ้าระวังและตรวจจับรายการธุรกรรมต้องสงสัยแบบ Near Real Time เพื่อตรวจสอบความผิดปกติของบัญชีเงินฝาก และป้องกันบัญชีม้าอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (เปิดให้บริการภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2568)
- โครงการบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) เพื่อยกระดับการบริหารจัดการและการขายทรัพย์ NPA รวมถึงการพัฒนาเว็บไซต์บ้านมือสองให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากขึ้น (เปิดให้บริการภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2568)
- โครงการ Security Choice ในแอปพลิเคชัน GHB ALL GEN เพิ่มฟังก์ชันให้ลูกค้าสามารถเปิด/ปิดบัญชีเพื่อระงับการโอน/จ่ายเงินออกได้ด้วยตนเองผ่านแอปฯ โดยยังรับโอนเงินได้ตามปกติ เพื่อเพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในการทำธุรกรรม (เปิดให้บริการภายในไตรมาสที่ 4 ปี 2568)