GC เดินหน้าโรงกลั่นชีวภาพครบวงจร ต่อยอดน้ำมันใช้แล้วสู่เคมีภัณฑ์และพลาสติกชีวภาพมูลค่าสูง
มาบตาพุด จ.ระยอง ประเทศไทย – 23 เมษายน 2568 – บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญในการเดินหน้าขยายศักยภาพโรงกลั่นชีวภาพ (Biorefinery) จากความสำเร็จในการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) เป็นรายแรกของประเทศ สู่การพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ (Bio-Chemicals) และพลาสติกชีวภาพ (Bio-Polymers) ที่มีมูลค่าสูง
การต่อยอดดังกล่าวเป็นการนำน้ำมันพืชใช้แล้ว (Used Cooking Oil: UCO) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหมุนเวียน มาแปรรูปผ่านกระบวนการ Co-processing ที่สามารถใช้งานร่วมกับหน่วยกลั่นเดิมได้ โดยผลิตภัณฑ์ที่ได้มีคุณสมบัติเทียบเท่าหรือดีกว่าวัสดุที่ได้จากฟอสซิล แต่โดดเด่นด้วยคุณสมบัติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีคาร์บอนฟุตพรินต์ต่ำกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลกที่มุ่งสู่ผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ยั่งยืน
GC ได้เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์แล้วสำหรับ 3 ผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่:
- Bio-Propylene: ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตบรรจุภัณฑ์ พลาสติกแข็ง ของเล่นเด็ก และชิ้นส่วนยานยนต์
- Bio-BD (Bio-Butadiene): ใช้ในอุตสาหกรรมยาง เช่น ยางรถยนต์และรองเท้ากีฬา
- Bio-PTA (Bio-Purified Terephthalic Acid): ใช้ในการผลิตเส้นใยโพลีเอสเตอร์และขวดพลาสติก PET
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีตลาดปลายทางที่ชัดเจนในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ ยาง และบรรจุภัณฑ์ ตามลำดับ นอกจากนี้ GC ยังมีแผนที่จะต่อยอด Bio-Naphtha ซึ่งเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำคัญ เพื่อผลิต Bio-PE (Bio-Polyethylene) สำหรับถุงพลาสติก ฟิล์ม และบรรจุภัณฑ์อาหาร และ Bio-MEG (Bio-Monoethylene Glycol) สำหรับเส้นใยโพลีเอสเตอร์และขวดพลาสติก PET ในอนาคต
โรงกลั่นชีวภาพของ GC มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบทางการเกษตรและของเสียในประเทศ ช่วยลดปัญหาของเสีย สร้างรายได้ให้กับชุมชน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ที่ประเทศไทยให้ความสำคัญ และตอกย้ำกลยุทธ์ของ GC ในการขยายธุรกิจมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ (High Value & Low Carbon Business)
นายทศพร บุณยพิพัฒน์ ผู้จัดการใหญ่ GC กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทว่า “GC ไม่เพียงเป็นผู้ผลิต SAF รายแรกของประเทศ แต่เรายังคงเดินหน้าต่อยอดศักยภาพของ Biorefinery เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพและพลาสติกชีวภาพที่สามารถทดแทนวัตถุดิบจากฟอสซิล ตอบโจทย์ทั้งตลาด ความยั่งยืน และอนาคตของอุตสาหกรรม เรามุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนอย่างน้ำมันพืชใช้แล้วในการผลิตสินค้ามูลค่าสูง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่ประเทศไทยผลักดัน และยังเป็นไปตามกลยุทธ์ขยายธุรกิจมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำของเรา”
ผลิตภัณฑ์ชีวภาพของ GC ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลด้านความยั่งยืน ISCC PLUS (International Sustainability and Carbon Certification Plus) ซึ่งยืนยันถึงการใช้วัตถุดิบชีวภาพและวัสดุหมุนเวียนในกระบวนการผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ ช่วยให้แบรนด์สินค้าปลายทางสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้อย่างมั่นใจ
GC ย้ำความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อส่งมอบโซลูชันเคมีภัณฑ์ครบวงจร และตอกย้ำบทบาทในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมที่มุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืน