รวบคาคอนโด! หนุ่มใหญ่แอบถ่ายคลิปชายในห้องน้ำปั๊ม ปคม. ตามจับ สารภาพเห็นเหยื่อหุ่นดี
กรุงเทพฯ – เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2568 พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ผบก.ปคม.) ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.อลงกต คชแก้ว ผู้กำกับการ 5 บก.ปคม. พร้อมด้วย พ.ต.ท.เกริก เสนาะสำเนียง รอง ผกก.5 บก.ปคม. และ พ.ต.ท.นัฐพล ดาวเวียง สารวัตร กก.5 บก.ปคม. นำทีมเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม นายพีรพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี
การจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 54/2568 ลงวันที่ 27 มกราคม 2568 ในข้อหา “กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และในที่สาธารณะหรือต่อหน้าธารกำนัล อันเป็นการรังแกหรือข่มเหงผู้อื่นได้รับความอับอายฯ” โดยสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในพื้นที่แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
เหตุการณ์ที่นำมาสู่การออกหมายจับนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2566 ขณะที่นายเอ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ผู้เสียหาย ได้เข้าไปใช้บริการห้องน้ำภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ระหว่างนั้น นายพีรพงษ์ ผู้ต้องหา ได้ติดตามเข้าไปในห้องน้ำด้วย
นายพีรพงษ์ได้ปีนขึ้นไปบนผนังห้องน้ำด้านบน และใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายคลิปวิดีโอขณะที่ผู้เสียหายกำลังทำกิจส่วนตัว ทันทีที่นายเอรู้ตัวว่าถูกแอบถ่าย ได้ร้องโวยวายด้วยความตกใจ ผู้ต้องหาจึงรีบปีนลงมาและวิ่งหลบหนีไป
หลังเกิดเหตุ นายเอ ผู้เสียหาย ได้เดินทางเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี
ต่อมา จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทราบตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายพีรพงษ์ ผู้ต้องหารายนี้ จึงได้ออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่เมื่อมีการนัดเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อเยียวยาค่าเสียหายกัน ทั้งสองฝ่ายก็ไม่สามารถตกลงยอมความกันได้ ทำให้นายพีรพงษ์ตัดสินใจหลบหนีไป
พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องขอศาลออกหมายจับ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมสืบทราบว่า นายพีรพงษ์ ได้หลบหนีเข้ามาพักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ จึงนำกำลังติดตามไปจับกุมตัวได้คาคอนโดดังในที่สุด
จากการสอบสวนในชั้นจับกุม นายพีรพงษ์ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพในข้อกล่าวหา โดยยอมรับว่าในวันเกิดเหตุ ตนเห็นผู้เสียหายกำลังเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ ด้วยความที่เห็นผู้เสียหายเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาดีเกินห้ามใจ จึงเกิดความอยากเห็นของลับและต้องการถ่ายคลิปเก็บไว้ดู
ผู้ต้องหายังยอมรับด้วยว่า หลังจากที่ผู้เสียหายรู้ตัวและเข้าแจ้งความ ได้มีความพยายามนัดหมายเพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องค่าเสียหายหลายครั้ง แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ตนจึงต้องหลบหนีขึ้นมาซ่อนตัวอยู่ที่กรุงเทพฯ พร้อมกันนี้ นายพีรพงษ์ยังสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้านว่า ตนเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ที่ผ่านมายังไม่มีผู้เสียหายรายใดรู้ตัวหรือเข้ามาแจ้งความดำเนินคดี
หลังจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้นำตัว นายพีรพงษ์ ผู้ต้องหาส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เจ้าของคดี เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป