กรุงเทพฯ, 9 พฤษภาคม 2568 – ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าล่าสุดในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกการค้าสินค้าเกษตรระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทุเรียน ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับ ดร.ซุน เหมยจุน รัฐมนตรีว่าการสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (General Administration of Customs of the People’s Republic of China: GACC) เมื่อครั้งเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา รวมถึงการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ GACC ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกการส่งออกทุเรียนไทยไปจีนอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 กรมวิชาการเกษตรของไทยและ GACC ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการจัดเกรดโรงคัดบรรจุทุเรียน (ล้ง) ที่จะส่งออกไปยังประเทศจีน และ GACC ได้แจ้งมาตรการสำคัญเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและเพิ่มความรวดเร็วในการนำเข้าทุเรียนไทย โดยจะลดระดับการสุ่มตรวจ ‘สาร BY2’ ณ ด่านนำเข้าสำหรับโรงคัดบรรจุที่มีระบบการจัดการที่ดีและผ่านการประเมินตามเกณฑ์ที่กำหนด

มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบการและเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน ที่จะช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนในการรอการตรวจสอบที่ด่านนำเข้าของจีน ทำให้ทุเรียนไทยสามารถกระจายสู่ตลาดจีนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

สำหรับความพร้อมด้านห้องปฏิบัติการ (Lab) ในประเทศไทย เพื่อตรวจวิเคราะห์หาสาร BY2 ในทุเรียนสดก่อนส่งออกนั้น ศ.ดร.นฤมล ยืนยันว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีห้อง Lab ที่ได้รับการรับรองสำหรับการทดสอบสาร BY2 จำนวน 9 แห่ง และยังมีอีก 4 แห่งที่อยู่ระหว่างการยื่นขอกลับมามีคุณสมบัติอีกครั้ง ซึ่งมั่นใจว่าจำนวนห้อง Lab ที่มีอยู่เพียงพอที่จะรองรับปริมาณทุเรียนจำนวนมากที่จะส่งออกไปยังตลาดจีนได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังคงเน้นย้ำและขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุและผู้ส่งออกทุเรียนทุกราย ให้ยังคงรักษามาตรฐานและควบคุมการผลิตทุเรียนส่งออกให้เป็นไปตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด รวมถึงการทำความสะอาดโรงคัดบรรจุและอุปกรณ์ที่ใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การส่งออกทุเรียนไทยไปยังประเทศจีนสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและยั่งยืน