ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรม เม.ย. ร่วง 89.9 ส.อ.ท. ชี้วันหยุดยาว-ปัจจัยต่างประเทศกดดัน แต่ GDP Q1 ยังดูดี

ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เดือน เม.ย.2568 ลดลงเหลือ 89.9 จากเดือนก่อนหน้าที่ 91.8 สะท้อนภาวะการผลิตที่ชะลอตัวลงจากหลายปัจจัยกดดัน

นายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TICI) ประจำเดือนเมษายน 2568 ว่า อยู่ที่ระดับ 89.9 ปรับตัวลดลงจากเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 91.8 โดยดัชนีที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากปัจจัยลบหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตของไทย

ปัจจัยที่ฉุดรั้งความเชื่อมั่นในเดือนเมษายน 2568

  • วันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์: ส่งผลให้จำนวนวันทำงานในภาคอุตสาหกรรมลดลงโดยตรง ทำให้การผลิตชะลอตัว
  • มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ: กระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอัตราภาษีนำเข้าเฉพาะกลุ่มสินค้า (Sectoral Tariff) 25% ในกลุ่มชิ้นส่วนและอะไหล่ยนต์ เหล็กและอลูมิเนียม นอกจากนี้ ยังมีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุน (AD/CVD) ในสินค้าแผงโซลาร์เซลล์สูงถึง 375% ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2568
  • เหตุการณ์แผ่นดินไหว: แม้จะเป็นปัจจัยภายในประเทศ แต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์แนวดิ่ง ทำให้เกิดการชะลอการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค
  • สินค้านำเข้าจากจีนและปัญหาการสวมสิทธิ์: มูลค่าการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 20.07% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของปัญหาสินค้านำเข้าจากจีนที่อาจเข้ามาแข่งขันกับสินค้าที่ผลิตในประเทศ และปัญหาการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้าไทย ซึ่งล้วนกระทบต่อภาคการผลิตในประเทศ
  • การส่งออกรถยนต์ที่ลดลง: เดือนมีนาคม 2568 การส่งออกรถยนต์ของไทยลดลง 9.36% จากปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการภาษีรถยนต์ในตลาดส่งออกสำคัญ

ปัจจัยบวกที่ช่วยพยุงสถานการณ์

  • การชะลอการบังคับใช้ Reciprocal Tariff ของสหรัฐฯ: สหรัฐฯ ได้ชะลอการบังคับใช้ Reciprocal Tariff ออกไปอีก 90 วัน (สิ้นสุดช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2568) โดยยังคงจัดเก็บภาษีนำเข้า Baseline Tariff ที่ 10% กับทุกประเทศ ทำให้มีการเร่งนำเข้าสินค้าบางประเภทจากสหรัฐฯ เพื่อป้องกันการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน
  • จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น: การจัดกิจกรรม Maha Songkran World Water Festival 2025 ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยในช่วงวันที่ 6–12 เมษายน 2568 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยถึง 666,180 คน เพิ่มขึ้น 10.73% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยและรายได้ในภาคการท่องเที่ยว
  • มาตรการเยียวยาผู้ประสบภัยแผ่นดินไหว: มาตรการช่วยเหลือ เช่น วงเงินเยียวยาไม่เกิน 49,500 บาทต่อหลัง และการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% (เริ่ม 22 เมษายน 2568) ส่งผลดีต่อคลัสเตอร์วัสดุก่อสร้าง และช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง

นายอภิชิต กล่าวเสริมว่า แม้จะมีปัจจัยท้าทาย แต่การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ไทยในไตรมาส 1/2568 ที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศว่าเติบโตที่ 3.1% นั้น ถือว่า "ยังดูดี" ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่มีความผันผวน และเปรียบเทียบสถานการณ์เศรษฐกิจไทยกับสำนวนที่ว่า "ถูกดาวราหูทับโลก" ซึ่งท่านมองว่าส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากการเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมยังคงต้องติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายการค้าของประเทศคู่ค้าสำคัญ และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางความเชื่อมั่นในระยะต่อไป

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *