FPT ชี้พิษภาษีสหรัฐฯ หนุนดีมานด์ ‘โรงงานสำเร็จรูป’ ดันเป้าเช่า 90% เดินหน้าลงทุน 3 ประเทศ คาดปี 68 กำไรทุบสถิติ

กรุงเทพฯ, 14 พฤษภาคม 2568 – บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ FPT หนึ่งในผู้นำด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากมาตรการภาษีตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลกระทบต่อนักลงทุนทั่วโลก แต่ในมุมมองของ FPT กลับเห็นโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม.

นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม FPT ระบุว่า ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่เช่ารวมทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย กว่า 3.77 ล้านตารางเมตร ซึ่งถือเป็นจุดแข็งในการรองรับการย้ายฐานการผลิตหรือการขยายการลงทุนของลูกค้าไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาค บริษัทตั้งเป้าหมายอัตราการเช่าเฉลี่ยในสภาวะปกติไว้ที่ 80% แต่ปัจจุบันสามารถทำได้เกือบ 85% แม้จะมีผู้เช่าราว 14% ที่มีความเสี่ยงจากผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐฯ แต่กลุ่มนี้ยังไม่มีรายใดขอยุติสัญญาเช่าก่อนกำหนด หรือขอผ่อนผันการชำระค่าเช่า ทำให้บริษัทมั่นใจว่าภายในปีนี้ จะสามารถเพิ่มพื้นที่เช่ารวมเป็น 3.78 ล้านตารางเมตร และผลักดันอัตราการเช่าให้สูงขึ้นไปถึง 90% ได้.

นายพีระพัฒน์ กล่าวเสริมว่า การเจรจาหาผู้เช่ารายใหม่ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ระหว่างเจรจากับ 2 รายใหญ่ที่มีความต้องการพื้นที่รวมกว่า 1.6 แสนตารางเมตร ซึ่งใกล้จะสรุปผล ขณะที่ผู้เช่าบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์จากจีน ประมาณ 10% หรือ 5,000-6,000 ตารางเมตร ได้ขอชะลอการตัดสินใจเพื่อรอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนขึ้น แต่ส่วนที่เหลือยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้.

“ปัจจัยกำแพงภาษีสหรัฐฯ แม้ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล ไม่กล้าเสี่ยงซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงานเองในระยะสั้น แต่ในทางกลับกัน ภาวะความไม่แน่นอนสูงนี้ กลับทำให้นักลงทุนหันมาพิจารณาเช่า ‘โรงงานสำเร็จรูป’ เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนระยะยาว และแนวโน้มนี้จะยิ่งชัดเจนขึ้น การที่เรามีโรงงานสำเร็จรูปพร้อมให้เช่าจำนวนมาก จึงกลายเป็นข้อได้เปรียบและปัจจัยบวกที่สำคัญของบริษัทในสถานการณ์ปัจจุบัน” นายพีระพัฒน์ กล่าว.

สำหรับแผนการดำเนินงานและงบลงทุนสำหรับปี 2568 (ตุลาคม 2567 – กันยายน 2568) FPT ได้วางงบลงทุนรวมไว้ที่ 3,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2,000 ล้านบาทสำหรับการลงทุนสร้างโรงงานและคลังสินค้าในประเทศไทย และอีก 1,000 ล้านบาทสำหรับลงทุนในเวียดนามและอินโดนีเซีย บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้ไว้ที่กว่า 4,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 19% จากปี 2567 และคาดว่ากำไรสุทธิของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อุตสาหกรรมจะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่สอง.

นอกจากนี้ FPT ยังมีที่ดินรอการพัฒนาอีกราว 5 ล้านตารางเมตร และได้เปิดโอกาสให้นักลงทุนที่ต้องการซื้อที่ดินเพื่อนำไปพัฒนาเอง โดยในช่วงครึ่งแรกของปีบัญชี บริษัทสามารถขายที่ดินไปได้แล้วมูลค่า 300 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถขายได้อีกราว 500 ล้านบาทภายในสิ้นปีนี้.

เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน บริษัทมีแผนที่จะนำสินทรัพย์มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท เข้าขายให้กับกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ พร็อพเพอร์ตี้ (FTREIT).

ในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่เวียดนาม ปัจจุบัน FPT มีพื้นที่เช่ารวม 1.4 แสนตารางเมตร ด้วยอัตราการเช่าเฉลี่ย 86% และยังมีที่ดินพร้อมพัฒนาอีกราว 1 แสนตารางเมตร อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อได้เปรียบด้านต้นทุนแรงงานที่ยังถูกกว่าไทยและทักษะที่ดีขึ้น บริษัทกำลังพิจารณาซื้อที่ดินเพิ่มเติม และคาดว่าอัตราการเช่าในเวียดนามจะเต็ม 100% ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ในอินโดนีเซีย ซึ่งมีพื้นที่เช่า 1.5 แสนตารางเมตร และอัตราการเช่าสูงถึง 93% ส่วนใหญ่เป็นคลังสินค้าสำหรับตลาดบริโภคภายในประเทศ บริษัทยังไม่มีแผนพิจารณาซื้อที่ดินเพิ่มเติมในระยะนี้.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *