อดีตอธิบดีฯ ดำรงค์ พิเดช ไขปม ทราย สก๊อต: ที่ปรึกษาไร้อำนาจ ชี้ เจอคนผิดต้องแจ้ง จนท. ไม่ใช่ไล่กลับประเทศ

นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แสดงความเห็นถึงกรณีที่ นายสิรณัฐ ภิรมย์ภักดี หรือ “ทราย สก๊อต” ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ ยุติบทบาทลง หลังมีประเด็นตักเตือนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม และเกิดกระแสดราม่าตามมา จนนำไปสู่การยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งจากนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานฯ

นายดำรงค์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ต้องมองภาพรวมและรับฟังจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งตนเชื่อว่าตัวนายสิรณัฐ สก๊อต ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ มีความมุ่งมั่น และมีเจตนาที่ดีในการทำงาน อย่างไรก็ตาม มีบางประเด็นที่ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องตามหลักกฎหมายและระเบียบปฏิบัติ

อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ อธิบายว่า สมัยที่นายสิรณัฐ เคยเป็นที่ปรึกษาในกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง งานหลักจะเน้นไปที่การอนุรักษ์ทางทะเลและชายฝั่งเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อมาอยู่กรมอุทยานฯ ภารกิจจะครอบคลุมทั้งงานอนุรักษ์และงานด้านการบริการนักท่องเที่ยว ซึ่งหากพบว่านักท่องเที่ยวมีการกระทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและต้องมีวิธีการพูดจาที่เหมาะสม ไม่ใช่การไล่กลับประเทศทันที เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้และอาจกระทบต่อชื่อเสียงของประเทศไทยได้

นายดำรงค์ ยังได้ให้ความกระจ่างเกี่ยวกับตำแหน่งที่ปรึกษาอธิบดีฯ ว่ามี 2 ประเภทหลักๆ คือ ประเภทมีเงินเดือน ซึ่งจะแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญได้ไม่เกิน 3 คน มีอำนาจหน้าที่เฉพาะตามที่ได้รับมอบหมาย และประเภทไม่มีเงินเดือน ซึ่งสามารถแต่งตั้งได้จำนวนมาก ทำงานในลักษณะอาสาสมัคร แต่กลุ่มนี้ “ไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมายเหมือนเจ้าหน้าที่”

“การเป็นที่ปรึกษาอธิบดีฯ ไม่ได้มีอำนาจตามกฎหมายเหมือนเจ้าหน้าที่อุทยานฯ หากพบเห็นการกระทำผิด ก็ต้องมีวิธีการพูดจา จะไปไล่กลับประเทศไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องชื่อเสียงของประเทศไทยด้วย” นายดำรงค์ กล่าวย้ำ พร้อมยกตัวอย่างว่า หากพบการกระทำผิดในเขตอุทยานฯ เช่น การตกปลา หรือจับปลาในบริเวณที่ห้าม เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจเท่านั้นที่จะสามารถเข้าจับกุมตัวและส่งเรื่องให้หัวหน้าอุทยานฯ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามกฎหมายได้ ที่ปรึกษาฯ ไม่สามารถจับกุมเองได้

นอกจากประเด็นอำนาจหน้าที่แล้ว นายดำรงค์ยังกล่าวถึงเรื่องปะการังฟอกขาว ซึ่งสาเหตุหลักมาจากอุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น ไม่ได้เกิดจากนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว แต่ก็ยอมรับว่าอาจมีบางส่วนที่คนมองว่าเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ไม่ดูแล ซึ่งเรื่องนี้มีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง

ส่วนประเด็นร้องเรียนอื่นๆ ที่มีต่อตัวนายสิรณัฐ นายดำรงค์ระบุว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงในพื้นที่ละเอียดนัก หัวหน้าอุทยานฯ ในพื้นที่น่าจะทราบดีที่สุด อย่างไรก็ตาม การที่ที่ปรึกษาจะไปใช้เจ้าหน้าที่ ยานพาหนะ หรือทรัพย์สินอื่นๆ ของอุทยานฯ โดยพลการนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ จะต้องมีการขออนุญาตตามระเบียบขั้นตอนอย่างถูกต้องก่อนเสมอ

บทสรุปจากอดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างด้านอำนาจหน้าที่ระหว่างที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้องเมื่อพบการกระทำผิดในพื้นที่อุทยานฯ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ.

(ข่าววันที่ 21 เมษายน 2568)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *