Foodpanda ปิดฉาก 13 ปีในไทย! ประกาศยุติบริการ 23 พ.ค. 68 ชี้ ‘สภาวะตลาดไม่เอื้อ’ แข่งขันสูง ขาดทุนสะสมมหาศาล

กรุงเทพฯ – Foodpanda แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่ชื่อดัง ประกาศยุติการให้บริการทั้งหมดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป หลังจากดำเนินธุรกิจมานานกว่า 13 ปี โดยให้เหตุผลว่าสภาวะตลาดในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงและการขาดทุนสะสมมาหลายปี

Foodpanda ซึ่งเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้แจ้งข่าวการยุติการดำเนินงานผ่านทางหน้าเพจ Facebook อย่างเป็นทางการ โดยแอปพลิเคชัน Foodpanda จะหยุดให้บริการภายในอีกเพียงหนึ่งเดือนข้างหน้า

แถลงการณ์จากบริษัทระบุว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พวกเรา Foodpanda มีความภาคภูมิใจที่ได้ขับเคลื่อนธุรกิจ และส่งมอบความสุขผ่านทุกออเดอร์ให้กับลูกค้าทุกท่านในประเทศไทย

เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ให้บริการลูกค้าที่น่ารัก และได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากร้านค้าพาร์ทเนอร์และไรเดอร์ผู้ขับเคลื่อนความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม สภาวะตลาดในปัจจุบันไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาวของ Foodpanda เราเสียใจอย่างสุดซึ้งที่การเดินทางของเราต้องสิ้นสุดลง และขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ไว้วางใจใน Foodpanda ตลอดหลายปีที่ผ่านมา”

เผชิญการแข่งขันรุนแรง

Foodpanda เป็นสตาร์ทอัพสัญชาติเยอรมันภายใต้บริษัท Delivery Hero เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2555 หรือเมื่อ 13 ปีก่อน ในชื่อ บริษัท ฟู้ดแพนด้า (ประเทศไทย) จำกัด ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เดลิเวอรี่ ฮีโร่ (ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2562 โดยมีทุนจดทะเบียนปัจจุบันอยู่ที่ 204 ล้านบาท

ในช่วงแรก บริษัทได้ให้บริการสั่งอาหารผ่านเว็บไซต์และสายด่วนทางโทรศัพท์ ก่อนจะพัฒนาสู่แพลตฟอร์มเดลิเวอรี่แบบครบวงจร และขยายบริการเพิ่มเติมไปสู่ Pick-up, Dine-in และ Mart options

แม้จะเป็นบริการเดลิเวอรี่เจ้าแรกและเจ้าเดียวที่ให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย แต่ Foodpanda ก็ต้องต่อสู้กับการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งรายใหญ่อย่าง Grab และ LINEMAN

วิกฤต #banfoodpanda

นอกจากนี้ Foodpanda ยังเคยเผชิญวิกฤตด้านชื่อเสียงจากความขัดแย้งทางการเมืองในปี 2564 เมื่อเกิดกระแสแคมเปญบนโซเชียลมีเดียติดแฮชแท็ก #banfoodpanda ขึ้น

เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อแอดมินเพจของ Foodpanda ได้โพสต์ข้อความเห็นด้วยกับลูกค้าที่ต่อต้านการชุมนุมประท้วงในขณะนั้น และประกาศจะไล่ไรเดอร์ Foodpanda ที่ขับรถอยู่ในขบวนประท้วง โดยระบุว่าเป็น “บุคคลอันตราย” กว่า Foodpanda จะออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ บริษัทก็สูญเสียผู้ใช้งานแอปพลิเคชันไปแล้วประมาณ 2 ล้านราย

ขาดทุนสะสมต่อเนื่องยาวนาน

ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าระบุว่า Foodpanda ดำเนินธุรกิจโดยมีผลขาดทุนสะสมรวมกว่า 399 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 14,600 ล้านบาท) ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2562 ถึง 2566

ปี รายได้รวม (ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
2562 24.4
2563 130
2564 203
2565 108.5
2566 115

ธุรกิจในเอเชียชะงักงัน

ธุรกิจของ Delivery Hero ในเอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท ประสบภาวะชะงักงันตั้งแต่ปี 2566 หลังจากการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2567 ยักษ์ใหญ่ด้านเดลิเวอรี่จากเยอรมนีรายนี้ได้ประกาศยุติการเจรจากับบุคคลที่สามที่ไม่เปิดเผยชื่อ เกี่ยวกับการขายธุรกิจ Foodpanda ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางแห่ง ซึ่งบริษัทกำลังพยายามลดขนาดลง

การขาดทุนสะสมจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดในที่สุดได้นำไปสู่การตัดสินใจถอนตัวออกจากตลาดประเทศไทย หลังจากดำเนินงานมานานกว่าทศวรรษ ทั้งนี้ หุ้นของ Delivery Hero ปรับตัวสูงขึ้น 3.7% หลังจากการประกาศว่า Foodpanda จะยุติการดำเนินงานในประเทศไทย

ปรับกลยุทธ์ทางภูมิศาสตร์

รายงานจาก Foodpanda ประเทศไทยระบุว่า การตัดสินใจยุติการดำเนินงานในประเทศไทยของ Delivery Hero SE เกิดจากการปรับกลยุทธ์ทางภูมิศาสตร์ (Strategic Geographical Realignment) โดยบริษัทจะโยกย้ายทรัพยากรไปยังตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ที่มีศักยภาพการเติบโตและผลตอบแทนที่สูงกว่า

อย่างไรก็ตาม ทีมงานระดับภูมิภาคที่ประจำอยู่ในประเทศไทย ซึ่งรับผิดชอบงานสนับสนุนต่างๆ เช่น การตลาดและทรัพยากรบุคคลสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะยังคงดำเนินงานต่อไปตามปกติ แม้ว่าบริการเดลิเวอรี่ในประเทศจะปิดตัวลงก็ตาม

ปีแห่งความท้าทายต่อเนื่อง

การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญอีกครั้งในแวดวงธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ของไทย เมื่อ Robinhood Delivery ซึ่งเดิมเป็นของ บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) ได้ถูกขายให้กับ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด ด้วยมูลค่า 2,000 ล้านบาท (ประมาณ 61.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเดือนตุลาคม 2567

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ปี 2568 ยังคงเป็นปีที่ท้าทายสำหรับธุรกิจฟู้ดเดลิเวอรี่ หลังจากที่ตลาดประสบภาวะหดตัวเล็กน้อยในปี 2566 และต่อเนื่องมาถึงปี 2567 ซึ่งตลาดมีมูลค่าอยู่ที่ 2.57 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9.4 หมื่นล้านบาท) ในทางตรงกันข้าม ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มโดยรวมของไทยคาดว่าจะเติบโต 4.6% ในปี 2568 มีมูลค่าตลาดสูงถึง 19.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 7.2 แสนล้านบาท)

การถอนตัวของ Foodpanda ซึ่งเคยให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ยิ่งตอกย้ำถึงแนวโน้มการควบรวมและรวมศูนย์ที่กำลังดำเนินอยู่ในตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ของไทยที่มีการแข่งขันสูง โดยปัจจุบันถูกครอบงำโดยผู้เล่นที่เหลืออยู่คือ Grab และ LINEMAN

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *