นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งกำกับดูแลกรมประมง มีนโยบายสำคัญในการช่วยเหลือพี่น้องชาวประมง โดยล่าสุดได้เห็นชอบให้ดำเนิน “โครงการประมงรวมใจ จ่ายระบบติดตามเรือประมงไทย (VMS) คนละครึ่ง” โดยใช้งบกลาง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับเจ้าของเรือประมง ซึ่งโครงการนี้ได้รับมติเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติแล้ว

โครงการ VMS คนละครึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่ออุดหนุนค่าบริการระบบติดตามเรือประมง (VMS) ซึ่งเป็นมาตรการสำคัญที่รัฐกำหนดขึ้นเพื่อป้องกันการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU Fishing) โดยรัฐจะสนับสนุนเงิน 50% ของค่าบริการระบบติดตามเรือประมงรายเดือน แต่ไม่เกิน 9 เดือน ซึ่งครอบคลุมระยะเวลาดำเนินโครงการฯ ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2568 เงินอุดหนุนจะถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารของผู้เข้าร่วมโครงการโดยตรง

สำหรับเจ้าของเรือประมงที่ต้องการรับสิทธิ์ สามารถขอขึ้นทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2568 ถึงวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 โดยมีช่องทางการลงทะเบียน 2 วิธี คือ:

1. ผ่าน Application Fisheries Next: ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและสมัครเข้าใช้งาน จากนั้นเลือกเมนู Chatbot และพิมพ์ข้อความเพื่อแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการ เช่น “ยืนยันเข้าร่วมโครงการประมงรวมใจ จ่าย VMS คนละครึ่ง”
2. ขึ้นทะเบียนด้วยตนเอง: เดินทางไปที่ กองบริหารจัดการเรือประมงและการทำการประมง กรมประมง หรือ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออก (PIPO) หรือ สำนักงานประมงจังหวัดในพื้นที่ที่มีอาณาเขตติดทะเล

ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ที่ยังไม่สิ้นอายุหรือถูกเพิกถอน หรือเป็นผู้ที่ได้รับการจดทะเบียนเป็นเรือขนถ่ายสัตว์น้ำที่ยังไม่ถูกเพิกถอน และต้องดำเนินการขึ้นทะเบียนตามระเบียบที่กรมประมงกำหนด

กรมประมงจะประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมโครงการ ณ ศูนย์ PIPO และสำนักงานประมงจังหวัด ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 หากไม่มีรายชื่อหรือจำนวนสิทธิ์ไม่ถูกต้อง สามารถยื่นอุทธรณ์สิทธิ์ได้ภายใน 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม ถึง 2 มิถุนายน 2568 ที่ กองบริหารจัดการเรือประมงและการทำการประมง กรมประมง หมายเลขโทรศัพท์ 0 2561 3132

อธิบดีกรมประมง กล่าวเสริมว่า ระบบติดตามเรือประมง (VMS) เป็นเทคโนโลยีที่ทั่วโลกและองค์การบริหารจัดการประมงระดับภูมิภาค (RFMOs) ให้การยอมรับว่ามีประสิทธิภาพในการติดตามเรือและกิจกรรมในทะเล และเป็นเครื่องมือสำคัญในการป้องกันยับยั้งและขจัดการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือ IUU Fishing โดยระบบ VMS สามารถแสดงข้อมูลเส้นทางการเดินเรือ ซึ่งนำไปวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลอื่น ๆ เช่น สมุดบันทึกการทำการประมง (Fishing Log Book) เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม การติดตั้งและดูแลรักษาระบบ VMS ให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา ถือเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่สำคัญสำหรับเจ้าของเรือประมง โดยเฉพาะเรือประมงพาณิชย์กว่า 4,700 ลำ และเรือขนถ่ายสัตว์น้ำกว่า 30 ลำ ที่ต้องติดตั้งอุปกรณ์ VMS ทั้งรุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 ซึ่งมีค่าบริการรายเดือนตั้งแต่ 1,283.3 ถึง 2,889.0 บาทต่อลำต่อเดือน

นอกจากค่าใช้จ่าย VMS แล้ว ชาวประมงยังต้องแบกรับต้นทุนอื่น ๆ ที่สูงขึ้น เช่น ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าจ้างแรงงาน ค่าเครื่องมือประมง และค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาสัตว์น้ำ ประกอบกับปัญหาราคาสัตว์น้ำที่ลดลง ทำให้ชาวประมงได้รับผลกระทบอย่างหนัก โครงการ VMS คนละครึ่งนี้จึงเป็นหนึ่งในมาตรการที่ภาครัฐเร่งดำเนินการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเสริมสร้างความมั่นคงให้กับอาชีพประมงไทยตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์