สเตรตส์ไทมส์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุสลดบนยอดเขาเอเวอเรสต์ เมื่อนายฟิลิป ซานติอาโก (Philipp Santiago) นักปีนเขาชาวฟิลิปปินส์ วัย 45 ปี เสียชีวิตที่แคมป์ 4 ขณะเตรียมพิชิตยอดสูงสุด เหตุการณ์นี้ถือเป็นนักปีนเขาคนแรกที่เสียชีวิตในฤดูกาลปีนเขาปีนี้ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเขาอ่อนล้าอย่างมากเมื่อมาถึงแคมป์ดังกล่าว

นายซานติอาโก เสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ที่แคมป์ 4 ซึ่งตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 7,925 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นจุดพักสุดท้ายก่อนการปีนขึ้นสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ ที่มีความสูง 8,849 เมตร

นายฮิมัล กัวตัม (Himal Gautam) เจ้าหน้าที่กระทรวงการท่องเที่ยวของเนปาล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "นายซานติอาโกมีอาการอ่อนล้าอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเดินทางถึงแคมป์ 4 และกำลังเตรียมตัวสำหรับการขึ้นสู่ยอดเขาในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่โชคไม่ดีที่เขาเสียชีวิตในเวลาต่อมา"

ด้านนายโบธา ราช บันดารี (Botha Raj Bhandari) จากบริษัท สโนวีฮอไรซัน เทร็ก แอนด์ เอ็กซ์พีดิชั่น (Snowy Horizon Trek and Expedition) ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวที่นายซานติอาโกใช้บริการ ได้ยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และระบุว่า ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรึกษาหารือและวางแผนเพื่อดำเนินการนำร่างของนายซานติอาโกลงมาจากแคมป์ 4 ซึ่งเป็นภารกิจที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ฤดูกาลปีนเขาเอเวอเรสต์กำลังดำเนินไปอย่างคึกคัก โดยฤดูกาลปีนเขาปกติจะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนและสิ้นสุดในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ในฤดูกาลนี้ ทางการเนปาลได้ออกใบอนุญาตปีนเขาไปแล้วจำนวนมากถึง 458 ใบ

ถึงแม้จะมีเหตุการณ์น่าเศร้าเกิดขึ้น แต่ก็มีรายงานว่า มีนักปีนเขามากกว่า 50 คนที่สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้สำเร็จแล้วตั้งแต่เริ่มเปิดฤดูกาลปีนเขาในปีนี้ โดยปกติแล้ว นักปีนเขาที่ได้รับอนุญาตจะต้องมีไกด์ชาวเชอร์ปา ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองในพื้นที่และมีความชำนาญเส้นทางและความท้าทายในการปีนเขาในระดับสูงนี้ ร่วมเดินทางด้วยอย่างน้อยหนึ่งคน เพื่อเพิ่มโอกาสในการพิชิตยอดและดูแลความปลอดภัย

การเสียชีวิตของนายฟิลิป ซานติอาโก ถือเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงอันตรายและความยากลำบากของการปีนเขาในระดับความสูงสูงสุดของโลก แม้จะมีการเตรียมตัวและประสบการณ์ แต่สภาพร่างกายที่อ่อนล้าในสภาวะที่มีออกซิเจนเบาบาง ก็อาจนำมาซึ่งโศกนาฏกรรมได้