สาวร้อง! ถูกตำรวจเก๊ อ้างหลาน ‘เรวัช กลิ่นเกษร’ หลอกแต่งงาน สูญแสน แถมคุกคามถึงบ้าน

วันที่ 25 เมษายน 2568 – น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 49 ปี ได้เดินทางเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือกับ นายบรูณ์ทิพัฒน์ เจริญลีฬหา ตัวแทนเพจ “กล้าที่จะกล้า” หลังตกเป็นเหยื่อถูกชายที่อ้างตัวเป็นตำรวจและเป็นหลานของนายตำรวจชื่อดัง หลอกลวงจนสูญเสียทรัพย์สินและถูกคุกคาม

ผู้เสียหายเปิดเผยว่า ตนได้รู้จักกับ นายสุวิทย์ กลิ่นเกษร อายุ 51 ปี ผ่านทางแอปพลิเคชัน TikTok เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 โดยนายสุวิทย์ ได้ทักข้อความเข้ามาและแนะนำตัวว่าเป็นตำรวจ ยศ พ.ต.ท. สังกัดภูธรภาค 7 ดูแลงานด้านปราบปรามยาเสพติด และยังอ้างว่าเป็นหลานชายแท้ๆ ของ พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร อดีตผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งตนเป็นแฟนคลับของ พล.ต.ท.เรวัช อยู่แล้ว จึงเชื่อคำกล่าวอ้างของนายสุวิทย์ เนื่องจากเห็นว่ามีนามสกุลเดียวกัน

หลังจากนั้น ทั้งสองได้ติดต่อพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชัน LINE จนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งเดือน นายสุวิทย์ ได้ขอ น.ส.เอ คบหาเป็นแฟน ด้วยความหลงเชื่อว่าเป็นตำรวจจริงและยังเป็นหลานของนายตำรวจที่ตนชื่นชอบ น.ส.เอ จึงตัดสินใจตกลงคบหา

ระหว่างที่คบกัน นายสุวิทย์ ซึ่งอ้างตัวเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้เริ่มออกอุบายขอยืมเงิน น.ส.เอ หลายครั้ง ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท โดยให้เหตุผลว่าจะนำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายในการทำงาน เช่น ค่าข้าว ค่าน้ำมันสำหรับลูกน้อง เพื่อใช้ในการลงพื้นที่สืบหาเบาะแสยาเสพติดในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี พร้อมทั้งอ้างว่าหาก “อาเรวัช” ได้รับงบประมาณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อใด ก็จะเบิกมาคืนให้ ด้วยความที่เชื่อใจ ผู้เสียหายจึงทยอยโอนเงินและบางครั้งก็กดเป็นเงินสดให้กับนายสุวิทย์ รวมเป็นเงินประมาณ 100,000 บาท

น.ส.เอ เล่าต่อไปว่า ตลอดระยะเวลาที่คบหากัน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 จนถึงต้นเดือนมีนาคม 2568 นายสุวิทย์ มักจะชวนตนเดินทางไปยังต่างจังหวัด โดยอ้างว่าเป็นการไปทำงานสืบหาข่าวในพื้นที่ต่างๆ และเมื่อถึงที่พัก นายสุวิทย์ จะให้ตนนั่งรออยู่ที่ห้องพัก แล้วออกไปข้างนอกประมาณ 3-4 ชั่วโมง ก่อนจะกลับมาและบอกว่าทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ผู้เสียหายยังเคยขอให้นายสุวิทย์ พาไปพบกับ พล.ต.ท.เรวัช แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด โดยนายสุวิทย์ อ้างว่า “อาเรวัช” งานยุ่ง ยังไม่สะดวก อย่างไรก็ตาม ประมาณเดือนมกราคม 2568 นายสุวิทย์ ได้ขอ น.ส.เอ แต่งงาน และอ้างว่าจะจัดงานที่ไร่ ณ กานดา ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ พล.ต.ท.เรวัช ที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมทั้งบอกว่า พล.ต.ท.เรวัช และภรรยาจะเป็นผู้ดูแลเรื่องการจัดงานให้ทั้งหมด ทำให้ น.ส.เอ หลงเชื่ออย่างสนิทใจ และได้มีการพูดคุยเรื่องแหวนแต่งงานสำหรับงานที่จะจัดขึ้นในวันที่ 10 พฤษภาคม 2568 ซึ่งนายสุวิทย์ บอกให้ตนไปดำเนินการหาแหวนมาได้เลย

แต่ในระหว่างนั้น น.ส.เอ ได้นำเรื่องการจัดงานแต่งงานที่ไร่ ณ กานดา ไปปรึกษาเพื่อนสนิท ซึ่งเพื่อนเกิดความสงสัย จึงได้ลองตรวจสอบข้อมูลกับทางไร่ และได้รับคำยืนยันว่า ที่ไร่องุ่น ณ กานดา ไม่เคยมีการจัดงานแต่งงาน และไม่มีแผนการจัดงานในวันที่กล่าวอ้าง นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบรายชื่อตำรวจสังกัดภูธรภาค 7 หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ไม่พบรายชื่อตำรวจที่ชื่อ พ.ต.ท.สุวิทย์ กลิ่นเกษร แต่อย่างใด

เมื่อความจริงปรากฏ น.ส.เอ จึงได้ตระหนักว่าตนเองถูกนายสุวิทย์ หลอกลวงและแอบอ้างตัวมาโดยตลอด จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568

ภายหลังที่ตำรวจสามารถติดตามตัวนายสุวิทย์ มาดำเนินคดีและส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรีแล้ว นายสุวิทย์ ได้ยื่นประกันตัวออกมาในวงเงิน 10,000 บาท หลังจากได้รับการปล่อยตัว นายสุวิทย์ ได้พยายามติดต่อ น.ส.เอ ผ่านทุกช่องทาง เพื่อขอให้ยอมความและไม่เอาเรื่อง แต่ น.ส.เอ ไม่ยินยอม

กระทั่งเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 นายสุวิทย์ ได้ขี่รถจักรยานยนต์บุกมาถึงบ้านพักของ น.ส.เอ ในช่วงบ่าย แม้ผู้เสียหายจะไม่อยู่บ้าน แต่นายสุวิทย์ ได้ทิ้งป้ายข้อความในลักษณะขอโทษมาแขวนไว้ที่รั้วประตูบ้าน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวสร้างความหวาดกลัวอย่างมากให้กับ น.ส.เอ ซึ่งพักอาศัยอยู่เพียงลำพัง เนื่องจากผู้ต้องหาเพิ่งได้รับการประกันตัวออกมาและไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวหรือคุกคามอีก

ด้าน นายบรูณ์ทิพัฒน์ เจริญลีฬหา ตัวแทนเพจ “กล้าที่จะกล้า” กล่าวว่า จากพฤติกรรมของนายสุวิทย์ ที่นอกจากจะแอบอ้างเป็นตำรวจและหลานนายตำรวจดังแล้ว ยังมีการคุกคามผู้เสียหายถึงบ้านแม้จะเพิ่งถูกปล่อยตัวชั่วคราว จึงเห็นว่าผู้เสียหายมีความไม่ปลอดภัยในชีวิต ทางเพจจะเร่งประสานงานกับกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอเข้าโครงการคุ้มครองพยาน เนื่องจากผู้เสียหายมีความหวาดกลัวอย่างยิ่ง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *