ผู้เชี่ยวชาญชี้ชัด! 4 พฤติกรรมเสี่ยง ไม่ใช่แค่นอนน้อย ตัวเร่งสมองเสื่อมเร็วขึ้น
เมื่ออายุย่างเข้าสู่ช่วง 30-40 ปี กระบวนการเสื่อมของเซลล์สมองเริ่มเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งส่งผลให้สมองมีแนวโน้มที่จะหดตัวลงตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสมองได้ออกมาเตือนว่า ไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเร่งกระบวนการเสื่อมนี้ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และอาจนำไปสู่ภาวะสมองเสื่อมก่อนวัยอันควรได้
ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ได้เน้นย้ำถึง 4 พฤติกรรมหลักที่พบได้บ่อยในผู้คนยุคใหม่ ซึ่งหากยังคงปฏิบัติอยู่ อาจทำให้สมองฝ่อเร็วกว่าที่ควร และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการรับรู้ การเรียนรู้ และความจำในที่สุด พฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อโรคสมองเสื่อม หากไม่มีการปรับเปลี่ยนอย่างจริงจัง
พฤติกรรมเสี่ยง 4 อย่างที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อชะลอภาวะสมองเสื่อม:
1. การนอนหลับไม่เพียงพอ: ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่ความสำคัญของมันมักถูกละเลย ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Sleep ชี้ชัดว่า การนอนหลับน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อคืน อาจลดทอนความสามารถในการรับรู้ (cognitive ability) ลงอย่างมาก และส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานที่ซับซ้อนของสมอง เช่น การแก้ปัญหา การใช้เหตุผล และที่สำคัญคือ ความจำ นอกจากนี้ การศึกษาในวารสาร Neurology ยังเผยว่า การนอนไม่หลับอาจนำไปสู่การหดตัวของสมองได้ นักวิจัยที่ติดตามการสแกนสมองของผู้ใหญ่กว่า 600 คน พบว่า ผู้ที่มีปัญหาการนอนหลับอย่างรุนแรง มีอายุสมองที่สูงกว่าอายุจริงถึง 2.6 ปี
2. การนั่งเป็นเวลานาน: ชีวิตยุคใหม่มักต้องนั่งทำงานหน้าจอเป็นเวลานาน การศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดระบุว่า ผู้ใหญ่โดยเฉลี่ยใช้เวลานั่งถึง 10.4 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งมากกว่าเวลานอนหลับเฉลี่ยที่ 7.7 ชั่วโมงอย่างมีนัยสำคัญ พฤติกรรมนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อบริเวณสำคัญของสมองที่ทำหน้าที่สร้างความทรงจำใหม่ ทำให้ส่วนนั้นมีขนาดบางลงในผู้ที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของปัญหาด้านความจำ และถือเป็นสัญญาณเริ่มต้นของภาวะสมองเสื่อมได้
3. ความเครียดสะสมเป็นเวลานาน: ผลวิจัยจำนวนมากยืนยันว่า ความเครียดเรื้อรังไม่เพียงแต่บั่นทอนสุขภาพกายและใจเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียโดยตรงต่อสมอง โดยเฉพาะบริเวณคอร์เทกซ์ส่วนหน้า (prefrontal cortex) ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อความจำและการเรียนรู้ การเผชิญความเครียดในระยะยาวอาจทำให้ส่วนนี้ของสมองฝ่อลงได้
4. การขาดกิจกรรมทางสังคม: มนุษย์เป็นสัตว์สังคม การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมีความสำคัญต่อสุขภาพสมองอย่างคาดไม่ถึง วารสาร Gerontology ชี้ว่า ผู้ที่มีกิจกรรมทางสังคมน้อย มีแนวโน้มที่จะสูญเสียสารสีเทา (gray matter) ในสมองมากขึ้น ซึ่งสารสีเทาเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความสามารถทางปัญญาและพฤติกรรมต่างๆ ทั้งการเรียนรู้ ความจำ การควบคุมอารมณ์ และภาษา การศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบข้อมูลที่น่าตกใจว่า ผู้ที่ขาดการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม มีความเสี่ยงต่อภาวะสติปัญญาสื่อมถอยสูงกว่าผู้ที่มีส่วนร่วมในสังคมถึงร้อยละ 70 และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้าและโรคอัลไซเมอร์อีกด้วย
การตระหนักถึงพฤติกรรมเสี่ยงเหล่านี้ และพยายามปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้เหมาะสม ทั้งการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ลดการนั่งติดเก้าอี้ จัดการความเครียด และเพิ่มกิจกรรมทางสังคม จึงเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพสมองให้แข็งแรง และชะลอการเกิดภาวะสมองเสื่อม ซึ่งเป็นโรคที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคุณภาพชีวิตในวัยสูงอายุ