ปทุมธานี – เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ปฏิบัติการติดตามจับกุมนายตำรวจยศ พ.ต.อ. อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งหลบหนีคดีทุจริตนานเกือบ 6 ปี

การจับกุมครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช., น.ส.ชฎารัตน์ อนรรฆอร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ภาค 1, นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ และนายธวัชชัย สุขศิริผล ผู้อำนวยการกลุ่มปฏิบัติการ โดยมอบหมายให้นักสืบสวนคดีทุจริต ป.ป.ช.ส่วนกลาง ร่วมกับนักสืบสวนคดีทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ภาค 1 ลงพื้นที่ติดตามจับกุม พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่ 34/2563 ลงวันที่ 27 พฤษภาคม 2563

ผู้ถูกกล่าวหารายนี้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อว่ามีตำแหน่งหรือหน้าที่ ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งหรือหน้าที่นั้น เพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2561 มาตรา 171

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี 2563 ขณะที่ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ดำรงตำแหน่ง ผู้กำกับการ สภ.ลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี ได้ออกคำสั่งให้มีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และต่อมาทางตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานีได้อนุมัติเบิกจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงสำหรับภารกิจดังกล่าวให้แก่ สภ.ลาดหลุมแก้ว เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 283,176 บาท

อย่างไรก็ตาม แทนที่จะดำเนินการจ่ายเบี้ยเลี้ยงจำนวนดังกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยตรง พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กลับสั่งการให้นำเงินสดทั้งหมดมามอบให้กับตนเอง โดยอ้างว่าจะดำเนินการจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเอง แต่ท้ายที่สุด พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ กลับจ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่จริงเพียง 20,500 บาท และเก็บเงินส่วนที่เหลือจำนวน 262,676 บาท ไว้เป็นของตนเอง ซึ่งมีลักษณะเป็นการเบียดบังเงินเบี้ยเลี้ยงไว้โดยทุจริต

หลังจากเกิดเหตุ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ได้หลบหนีการจับกุมมาโดยตลอด ระยะเวลานานเกือบ 6 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการสืบสวนติดตามอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทราบว่าผู้ถูกกล่าวหารายดังกล่าวได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี

คณะนักสืบสวนคดีทุจริต ป.ป.ช. จึงได้ลงพื้นที่เฝ้าติดตาม กระทั่งพบตัว พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นบุคคลตามหมายจับ จึงได้แสดงหมายจับและดำเนินการจับกุม โดยผู้ถูกกล่าวหายอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง เจ้าหน้าที่ได้แจ้งสิทธิของผู้ถูกจับให้ทราบ พร้อมทั้งดำเนินการทำบันทึกจับกุม ณ สำนักงาน ป.ป.ช. และดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ก่อนควบคุมตัวส่งผู้ว่าคดี เพื่อดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ต่อไป ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใด การกระทำความผิดฐานทุจริตก็ยากที่จะหลีกหนีการตรวจสอบและการดำเนินคดีไปได้