เกือบไปแล้ว! ยุโรปหวิดระบาด ‘อหิวาตกโรค’ จากน้ำศักดิ์สิทธิ์แอฟริกา หลังนักท่องเที่ยวนำกลับประเทศ
กรุงเทพฯ – สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานเหตุการณ์ที่เกือบนำไปสู่การระบาดใหญ่ของโรคอหิวาตกโรคในทวีปยุโรป หลังจากมีผู้ป่วยหลายรายในประเทศเยอรมนีและสหราชอาณาจักร ซึ่งเชื่อมโยงกับการเดินทางไปเยือนประเทศเอธิโอเปีย ทวีปแอฟริกา
ต้นเหตุจากน้ำศักดิ์สิทธิ์
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีผู้ป่วยยืนยันสามรายในเยอรมนี และสี่รายในสหราชอาณาจักร ซึ่งจากการสืบสวนโรคโดยหน่วยงานสาธารณสุขของยุโรป พบว่าผู้ป่วยชาวเยอรมันสองราย และชาวอังกฤษสามรายจากกลุ่มดังกล่าว ได้เดินทางไปยังประเทศเอธิโอเปียในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
ข้อมูลเชิงลึกเผยว่า ผู้ป่วยบางรายในกลุ่มนี้ได้เดินทางไปเยี่ยมชมบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า เบอร์เมล จิออร์จิส (Burmel Giorgis) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตควาราของประเทศเอธิโอเปีย บ่อน้ำแห่งนี้มีความสำคัญทางศาสนาอย่างยิ่งสำหรับสมาชิกของโบสถ์ออร์โธดอกซ์เตวาเฮโดแห่งเอธิโอเปีย โดยมีความเชื่อว่าน้ำในบ่อมีคุณสมบัติในการรักษาโรค ผู้คนจึงนิยมดื่มและใช้น้ำล้างหน้าเพื่อความเป็นสิริมงคลและหวังผลในการรักษาอาการป่วย
นำน้ำกลับประเทศ: จุดเริ่มต้นของปัญหา
ด้วยความเชื่อและความเลื่อมใส นักท่องเที่ยวชาวยุโรปเหล่านี้ก็ได้ทดลองดื่มและใช้น้ำจากบ่อศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวเช่นกัน สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ นักท่องเที่ยวชาวเยอรมันและชาวอังกฤษอย่างน้อยหนึ่งคน ได้ตัดสินใจนำน้ำศักดิ์สิทธิ์นี้บรรจุขวดพลาสติกกลับไปยังประเทศของตนเอง และได้แบ่งปันน้ำดังกล่าวให้กับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนฝูงในยุโรป
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ที่ได้รับน้ำดังกล่าว หรือผู้ที่สัมผัสน้ำโดยตรง ก็เริ่มแสดงอาการของโรคอหิวาตกโรค ทั้งอาการท้องเสียอย่างรุนแรงในลักษณะน้ำซาวข้าว และอาการอาเจียน
ผลการตรวจสอบ: น้ำปนเปื้อนเชื้อรุนแรง
ทีมแพทย์และนักวิจัยได้ดำเนินการวิเคราะห์น้ำที่บรรจุอยู่ในขวดพลาสติกซึ่งนักท่องเที่ยวนำกลับมา ผลการตรวจสอบเป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่ง เมื่อพบว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวมีการปนเปื้อนแบคทีเรีย Vibrio cholerae O1 ซึ่งเป็นเชื้อที่ก่อให้เกิดโรคอหิวาตกโรค ตามรายงานที่เผยแพร่โดย Eurosurveillance ซึ่งเป็นหน่วยงานติดตามโรคติดเชื้อของยุโรป
รายงานระบุว่า ปริมาณของเชื้อ V. cholerae O1 ที่พบในน้ำมีจำนวนมหาศาล อยู่ในระดับ 105–108 หน่วยก่อโคโลนี (CFU) ต่อปริมาตร สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์มีการปนเปื้อนอย่างหนัก และที่น่ากังวลคือแบคทีเรียยังคงมีชีวิตและสามารถก่อโรคได้ แม้จะผ่านการเดินทางทางเครื่องบินในอุณหภูมิปกติ และยังคงมีชีวิตอยู่ในยุโรป
สิ่งที่น่าวิตกไปกว่านั้นคือ การตรวจสอบพบว่าเชื้อ Vibrio cholerae สายพันธุ์ที่พบนี้ มีความดื้อต่อยาปฏิชีวนะหลายชนิด อย่างไรก็ตาม ยาปฏิชีวนะกลุ่มเตตราไซคลีน (tetracycline) ยังคงมีประสิทธิภาพในการรักษา และผู้ป่วยทุกรายที่ได้รับยาปฏิชีวนะชนิดนี้ก็มีอาการดีขึ้นจนหายเป็นปกติในที่สุด
บทเรียนและคำเตือน
นับเป็นความโชคดีอย่างยิ่งที่การระบาดของโรคอหิวาตกโรคในทวีปยุโรปครั้งนี้ถูกควบคุมและป้องกันไว้ได้ทันท่วงที ทำให้ไม่เกิดการแพร่กระจายเป็นวงกว้างไปกว่านี้
กรณีนี้ได้รับการเผยแพร่เป็นอุทาหรณ์สำคัญสำหรับนักเดินทาง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อได้ออกมาเรียกร้องให้นักท่องเที่ยวทุกคนใช้ความระมัดระวังอย่างสูงสุดเกี่ยวกับแหล่งน้ำและอาหารที่บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงด้านสุขอนามัย แม้ว่าสถานที่นั้นจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หรือมีความเชื่อทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องก็ตาม การป้องกันและสุขอนามัยส่วนบุคคลยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันโรคติดต่อ
ที่มา: Odditycentral, Eurosurveillance