เอธิโอเปียรับตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชุดแรก 282 คนกลับประเทศแล้ว ‘ไทย’ อำนวยความสะดวก เร่งส่งที่เหลืออีก 469 คน
กรุงเทพฯ – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าสำคัญเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกให้พลเมืองเอธิโอเปียที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเมียนมา ได้เดินทางกลับสู่มาตุภูมิ โดยยืนยันว่า เอธิโอเปียได้ดำเนินการรับตัวพลเมืองกลุ่มแรกจำนวน 282 คนกลับประเทศเรียบร้อยแล้วในช่วงครึ่งแรกของเดือนนี้
ความเคลื่อนไหวนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการพบหารือระหว่าง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ กับนายเกดีออน ทิโมเทออส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเอธิโอเปีย ระหว่างการเดินทางเยือนประเทศบราซิล เพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่ม BRICS เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การหารือดังกล่าวครอบคลุมถึงการส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงประเด็นสำคัญของการอำนวยความสะดวกในการส่งตัวบุคคลสัญชาติเอธิโอเปียจำนวน 751 คน ที่เข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมายในเมียนมาและหลายคนต้องตกเป็นเหยื่อของแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่านในการเดินทางกลับประเทศต้นทาง
นายมาริษ แสดงความยินดีที่ฝ่ายเอธิโอเปียได้แสดงเจตจำนงที่ชัดเจนในการดูแลพลเมืองของตน และได้ส่งผู้แทนเดินทางมายังประเทศไทยเพื่อดำเนินการรับตัวพลเมืองกลุ่มแรก 282 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจำนวนทั้งหมด 751 คน กลับสู่ประเทศเอธิโอเปียได้อย่างราบรื่น การดำเนินการครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันดีระหว่างไทยกับเอธิโอเปีย ในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
สำหรับพลเมืองเอธิโอเปียที่ยังคงตกค้างอยู่ในเมียนมาอีก 469 คน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยกล่าวเน้นย้ำว่า ทั้งสองฝ่ายจะเร่งดำเนินการประสานงานเพื่อรับตัวและส่งกลับกลุ่มที่เหลือโดยเร็วที่สุด เพื่อให้พลเมืองเอธิโอเปียทุกคนที่ตกเป็นเหยื่อ หรือได้รับความเดือดร้อน ได้มีโอกาสกลับคืนสู่ครอบครัวและประเทศของตนอย่างปลอดภัย
สถานการณ์พลเมืองต่างชาติจำนวนมากที่เข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดนของเมียนมา โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรืออาชญากรรมทางไซเบอร์รูปแบบอื่น ๆ เป็นปัญหาที่หลายประเทศกำลังเผชิญและต้องการความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไข การที่ประเทศไทยมีบทบาทในการเป็นจุดผ่านสำคัญและให้ความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ ในการส่งกลับพลเมืองของพวกเขา สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของไทยในการเป็นหุ้นส่วนที่ดีในประชาคมโลก และการให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและปัญหาด้านมนุษยธรรม
กระทรวงการต่างประเทศของไทยจะยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภายในประเทศและกับรัฐบาลเอธิโอเปีย รวมถึงประเทศอื่น ๆ ที่เผชิญปัญหาลักษณะเดียวกัน เพื่อร่วมกันหาแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนนี้ต่อไป.