วิกฤตหนัก ตลาดวัวควายอีสาน ซบเซารอบ 30 ปี พิษข่าวแอนแทรกซ์ เงินสะพัด 10 ล้าน เหลือ 0 บาท
กาฬสินธุ์ – บรรยากาศซื้อขายวัวและควายในตลาดภาคตะวันออกเฉียงเหนือซบเซาอย่างหนักที่สุดในรอบ 30 ปี หลังข่าวโรคแอนแทรกซ์ที่ปรากฏในบางพื้นที่ ส่งผลให้การค้าขายเงียบเหงาหายไปกว่า 90% ทำให้ ‘นายฮ้อย’ หรือพ่อค้าวัวควาย และเกษตรกรผู้เลี้ยงเดือดร้อนอย่างหนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 ถึงสถานการณ์ที่ตลาดนัดวัว-ควาย บ้านกุดหว้า ตำบลกุดหว้า อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญของภาคอีสาน โดยพบว่าการซื้อขายแทบหยุดนิ่ง
นายสุทิน กาญจนรัช ปศุสัตว์จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์และเปิดเผยว่า ข่าวการตรวจพบเชื้อแอนแทรกซ์ในสัตว์เลี้ยงที่รายงานจากต่างจังหวัด ได้สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวควายและผู้ประกอบการค้าขายในพื้นที่ ซึ่งเป็นเขตปศุสัตว์สำคัญและมีตลาดหลายแห่ง แม้ในจังหวัดกาฬสินธุ์จะยังไม่พบวัวหรือควายที่ติดเชื้อแอนแทรกซ์แต่อย่างใด แต่บรรยากาศการซื้อขายก็หยุดชะงัก ส่งผลให้ราคาวัวควายตกต่ำลงอย่างมาก
นายอุดม เชยชัยภูมิ อายุ 56 ปี นายฮ้อยจากจังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้มีประสบการณ์ในวงการมากว่า 10 ปี กล่าวด้วยความกังวลว่า ไม่เคยเห็นตลาดวัวควายซบเซาเท่านี้มาก่อน แม้ว่าเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จะมีการตรวจเช็กประวัติสุขภาพสัตว์ในตลาดอย่างเข้มงวด และไม่พบสัตว์ติดเชื้อเลยก็ตาม ความเงียบเหงาครั้งนี้ถือว่าหนักที่สุดในรอบ 30 ปี ไม่เพียงแต่นายฮ้อยและเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังรวมไปถึงผู้ประกอบการโรงฆ่าสัตว์และเขียงเนื้อที่การค้าขายหยุดชะงักไปด้วย นายอุดมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน และหามาตรการควบคุมราคาซื้อขายให้กลับสู่ภาวะปกติ
ด้านนายมล เชียงขวัญ อายุ 45 ปี นายฮ้อยจากจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวเสริมว่า ในอดีต ตลาดวัวควายตามจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสานมีความคึกคักอย่างมาก แต่ละตลาดมีวัวควายเข้าสู่การซื้อขายไม่ต่ำกว่า 500-1,000 ตัว และมีเงินสะพัดหมุนเวียนครั้งละกว่า 10 ล้านบาท แต่หลังจากมีข่าวโรคแอนแทรกซ์ การค้าขายก็ทรุดตัวลงกว่า 90% บางตลาดมีวัวเข้าเพียงไม่ถึง 50 ตัว และแทบไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นเลย สถานการณ์จากที่เคยมีเงินสะพัดมหาศาล ตอนนี้กลับกลายเป็น 0 บาท ถือเป็นช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดของวงการนายฮ้อยอย่างแท้จริง