คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติสำคัญในการประชุมวันนี้ (30 เมษายน 2568) เห็นชอบปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (ค่า Ft) สำหรับงวดเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2568 ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยลดลงเหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย จากเดิมที่ 4.15 บาทต่อหน่วย ซึ่งเป็นการลดลงประมาณ 17 สตางค์ต่อหน่วย และเป็นไปตามเป้าหมายของคณะรัฐมนตรีที่กำหนดไว้ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย

นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงาน กกพ. ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า การพิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้างวดนี้คำนึงถึงปัจจัยหลักสองส่วน คือ การต้องการให้ค่าไฟอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ขณะเดียวกันก็ต้องดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบทางการเงินและเครดิตเรทติ้งของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

กกพ. จึงเลือกแนวทางที่จะนำเงินที่ได้จากการเรียกคืนประโยชน์ส่วนเกินจากการไฟฟ้ามาใช้ในการลดค่าไฟฟ้าในงวดนี้ โดยมีการเรียกคืนมาได้ทั้งหมดประมาณ 20,000 ล้านบาท และตัดสินใจนำจำนวน 12,200 ล้านบาทมาใช้เพื่อลดค่าไฟสำหรับงวดเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2568 นี้

แม้จะนำเงินส่วนนี้มาลดค่าไฟ แต่ กฟผ. ยังคงได้รับการชำระคืนค่าเชื้อเพลิงคงค้างในจำนวนใกล้เคียงกับเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ คือประมาณ 14,590 ล้านบาท หรือคิดเป็น 20.33 สตางค์ต่อหน่วย

ส่วนเงินที่ได้จากการเรียกคืนประโยชน์ส่วนเกินที่เหลืออีกประมาณ 7,800 ล้านบาท จะสำรองไว้สำหรับดูแลเสถียรภาพของค่าไฟฟ้าในระยะต่อไป เนื่องจาก กกพ. ยังคงมองว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังมีความผันผวนและความไม่แน่นอน การสำรองเงินส่วนนี้ไว้จึงเป็นสิ่งจำเป็น

มติ กกพ. ในครั้งนี้ ถือเป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ ที่จะได้ใช้ไฟฟ้าในราคาที่ถูกลงในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2568 ซึ่งจะช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและภาคธุรกิจได้ในระดับหนึ่ง