ลูกจ้างประสบอุบัติเหตุสาหัสขณะทำงาน ร้องนายจ้างเศรษฐีหลบลี้ ช่วยเหลือแค่ 20,000 บาท

วันที่ 8 เม.ย.2568 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านพักหลังหนึ่ง ต.สุขสวัสดิ์ อ.ไพรบึง จ.ศรีสะเกษ หลังได้รับเรื่องร้องเรียนว่า มีผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุ จากการที่ถูกว่าจ้างให้ไปรื้อถอนห้องแถว แต่ถูกกระเช้ารถเครนหล่นมาทับจนต้องนอนป่วยติดเตียง นายจ้างไม่เข้ามาดูแลช่วยเหลือไม่สนใจนานนับปี จึงได้เล่าเรื่องราวและร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนครั้งนี้

เมื่อไปถึงพบ นายสมบูรณ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี ผู้ประสบเหตุดังกล่าว สภาพนอนติดเตียง ลุกขึ้นนั่งหรือเดินไม่ได้เลย ต้องใช้ถังออกซิเจนช่วยหายใจ โดย นางเลียง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 53 ปี ภรรยาของ นายสมบูรณ์ กล่าวว่า ปกติตนและสามีประกอบอาชีพกรีดยางพารา โดยมี นายเอ (นามสมมติ) เป็นนายจ้าง ค่าจ้างเป็นผลกำไรคนละครึ่งจากการขายยางพารา

แต่วันเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นวันที่ 17 เม.ย.2567 เวลาประมาณ 11.00 น. ที่ห้องแถวหลังตลาดสดแห่งหนึ่ง อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ซึ่งวันนั้นยังเป็นช่วงปิดหน้ากรีดยาง นายเอ (นามสมมติ) นายจ้าง จึงมีการว่าจ้างให้ตนและสามีของตนไปช่วยรื้อถอนห้องแถวดังกล่าว โดยให้ค่าแรงวันละ 400 บาท

ซึ่งทำงานรื้อถอนวันแรกผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่วันที่ 2 เกิดอุบัติเหตุขึ้น นายเอ ได้ให้ใช้รถเครนที่เป็นเครนกระเช้าไปผูกเสารื้อถอน แต่กลับเกิดอุบัติเหตุสายสลิงกระเช้าขาด กระเช้ารถเครนเลยตกลงมาทับนายสมบูรณ์ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส

โดยการรักษา หมอแจ้งว่า สามีตนกระดูกคอหัก 3 ท่อน ทับเส้นประสาท ต้องทำการผ่าตัด คุณหมอได้ทำการผ่าตัดรักษาแล้วแต่อาการก็ยังสาหัสอยู่ ตนต้องดูแลอย่างใกล้ชิดและต้องใช้เงินรักษาเป็นจำนวนมาก ทุกวันนี้ตนต้องประหยัด ขนาดอาหารที่สามีต้องกิน ปกติจะเป็นอาหารเหลวหรือนม ตนต้องมาปรับเปลี่ยนต้มข้าวแล้วบดให้สามีได้กิน เพราะราคาอาหารเหลว และนม มีราคาสูง

นางเลียง กล่าวต่อว่า ที่ออกมาร้องในครั้งนี้เพียงเพื่ออยากให้นายจ้างมาช่วยเหลือดูแลบ้าง เพราะที่ผ่านมาตนได้รับการช่วยเหลือเพียง 20,000 บาทเท่านั้นเอง และพยายามโทรไปสอบถามก็ถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด ผ่านมา 1 ปี ไม่มีการเข้ามาสอบถามอาการ หรือเข้ามาเจรจาช่วยเหลือแต่อย่างใด

ที่ผ่านมาตนต้องใช้เงินเก็บ และขายสร้อยคอทองคำ เพื่อมาใช้จ่ายและเป็นค่ารักษาสามีตน ทุกวันนี้ตนลำบากมาก รายได้ก็ไม่มี ค่าใช้จ่ายก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น เดือน ๆ หนึ่งค่าใช้จ่ายประมาณ 20,000 กว่าบาท ทั้งค่ายา ค่ารถที่จะพาไปโรงพยาบาล ค่ารถไปเปลี่ยนถังออกซิเจน

ถึงวันนี้ตนก็หมดหนทางแล้วไม่รู้จะหาจากไหนมาใช้จ่าย หรือ มาใช้ในการรักษา สามี จึงออกมาร้องผ่านสื่อ ถึงเรื่องราวดังกล่าวเพื่อเป็นกระบอกเสียงไปถึงนายจ้าง ให้ออกมารับผิดชอบ และเพื่อเป็นเป็นกระบอกเสียงถึงผู้ใหญ่ใจดี ที่พอจะมีทางช่วยเหลือตน เพราะตอนนี้อาการสามีก็ยังน่าเป็นห่วง ต้องใช้เครื่องออกซิเจนช่วยหายใจ ขยับตัวช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *