ด่วน! กกต. สั่งห้าม ‘โพลเลือกตั้งเทศบาล’ เข้มงวด 7 วันสุดท้าย ก่อนหย่อนบัตร 11 พ.ค.นี้
กรุงเทพฯ – วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกประกาศสำคัญเตือนประชาชน ผู้สมัคร และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ซึ่งจะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568 ถึงข้อห้ามในการสำรวจและเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ‘โพล’ ในช่วงเวลาวิกฤตก่อนวันเลือกตั้ง
ตามประกาศของ กกต. ที่อ้างอิงระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563 ได้กำหนดข้อห้ามไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรม
สาระสำคัญของข้อห้ามคือ
1. ห้ามผู้สมัคร หรือผู้ใดยินยอมให้พรรคการเมือง หรือผู้ใดก็ตาม ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน โดยมีเจตนาที่ไม่สุจริต มีลักษณะเป็นการชี้นำ หรืออาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของประชาชนในการลงคะแนนเลือกหรือไม่เลือกผู้สมัครคนใด เพื่อหวังผลประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง
2. ห้ามผู้สมัคร หรือผู้ใดยินยอมให้พรรคการเมือง หรือผู้ใดก็ตาม เปิดเผย หรือ เผยแพร่ ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่เกี่ยวข้องกับการออกเสียงลงคะแนน ในช่วงเวลา 7 วันสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง จนถึงเวลาที่การออกเสียงลงคะแนนสิ้นสุดลง
ช่วงเวลาที่ห้ามดำเนินการและเผยแพร่ผลโพลอย่างเด็ดขาดนี้คือ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป จนถึงเวลา 17.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นเวลาปิดหีบเลือกตั้ง
ประกาศดังกล่าวมีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ผลสำรวจความคิดเห็นในลักษณะที่อาจบิดเบือนความจริง สร้างกระแส หรือชี้นำประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง ซึ่งอาจส่งผลให้การตัดสินใจของผู้เลือกตั้งไม่เป็นไปตามเจตจำนงที่แท้จริง หรือเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมระหว่างผู้สมัคร
สำนักงาน กกต. ย้ำว่า การฝ่าฝืนข้อห้ามนี้อาจมีผลทางกฎหมายตามที่ระเบียบและกฎหมายเลือกตั้งกำหนดไว้ จึงขอให้ประชาชน ผู้สมัคร และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำความเข้าใจและปฏิบัติตามระเบียบของ กกต. อย่างเคร่งครัด เพื่อร่วมกันทำให้การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรีที่จะมาถึงนี้ เป็นไปด้วยความโปร่งใส บริสุทธิ์ยุติธรรม และสะท้อนเจตจำนงของประชาชนในท้องถิ่นได้อย่างแท้จริง