ปม ‘ฮั้ว สว.’ สะเทือน! กกต. ฟัน 54 สว. ที่มีพิรุธ ดีเอสไอรับลูก ลุยสอบคดีอาญา!
บรรยากาศการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 ที่ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค ฟอรั่ม อาคาร 4 เมืองทองธานี ได้สร้างภาพที่ปรากฏต่อสายตาประชาชนจำนวนมาก ซึ่งหลายฝ่ายมองว่ามีพิรุธและแสดงให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลของกระบวนการเลือก สว. ในครั้งนี้อย่างชัดเจน
หลังการเลือก สว. เสร็จสิ้นลงไม่นาน กระแสเรียกร้องให้มีการตรวจสอบและสอบสวนความผิดปกติในการเลือก สว. ก็ดังกระหึ่มขึ้นทั่วสังคม กลายเป็นแรงกดดันมหาศาลต่อองค์กรที่มีหน้าที่จัดการเลือก สว. ให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม
ด้วยความไม่มั่นใจในบทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มากนัก ประชาชนและหลายภาคส่วนจึงหันไปพึ่งพากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อีกทางหนึ่ง เพื่อให้เข้ามาช่วยตรวจสอบ
และล่าสุด ความคืบหน้าในคดีนี้ก็ได้ลุล่วงไปถึงขั้นที่ กกต. ได้ออกหมายเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาต่อ สว. จำนวน 54 ราย ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่ชอบมาพากลในการเลือกครั้งนี้
การดำเนินการของ กกต. ในครั้งนี้ ทำให้ผู้คนในสังคมเริ่มกลับมาเชื่อมั่นว่า กระบวนการรักษาความถูกต้องเที่ยงธรรมในคดีนี้ยังคงมีอยู่จริง โดยเกิดจากการทำงานร่วมกันระหว่าง กกต. และ ดีเอสไอ ที่เข้ามาดูแลในส่วนความผิดทางอาญา
ในส่วนของการทำคดีของดีเอสไอ ซึ่งรับผิดชอบในความผิดด้านอาญา ได้เริ่มจากการสอบสวนในฐานความผิดฐานฟอกเงิน และเตรียมขยายผลไปสู่ข้อหาอั้งยี่ ซึ่งเป็นข้อหาที่หนักขึ้น
สิ่งที่ประชาชนกำลังจับตามองอย่างไม่กะพริบตาในขณะนี้ คือ หลังจากที่ กกต. ได้ออกหมายแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ดาบต่อไปจากดีเอสไอจะสามารถสาวไปถึงความผิดด้านอาญาได้อย่างลึกซึ้งขนาดไหน
ขณะเดียวกัน อีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก คือ กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งเกี่ยวกับ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สืบเนื่องมาจากการที่กลุ่ม สว. ได้ยื่นร้องต่อศาลฯ
ผลจากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนคนไทยเป็นวงกว้าง
แน่นอนว่า ในกลุ่มหรือขบวนการที่ตกเป็นเป้าหมายในการถูกเอาผิดในคดี ‘ฮั้ว สว.’ พยายามขยายผลว่า เมื่อ พ.ต.อ. ทวี โดนคำสั่งศาลฯ แล้ว คดีนี้จะต้องระส่ำตามไปด้วย
แต่ในส่วนของ พ.ต.อ. ทวี เอง ได้ออกมาน้อมรับคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ และย้ำว่ามองคำสั่งศาลฯ เป็นผลบวก
เหตุผลที่ รมว. ยุติธรรม มองว่าเป็นผลบวก คือ คำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรียุติธรรม แต่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะในส่วนที่กำกับดูแลดีเอสไอ และการเป็นรองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษเท่านั้น
คำสั่งดังกล่าว ช่วยทำให้การทำงานของดีเอสไอในคดี ‘ฮั้ว สว.’ สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อครหาเรื่องการแทรกแซง ทำให้ทุกฝ่ายสบายใจว่าคดีจะถูกดำเนินไปอย่างตรงไปตรงมา
อีกทั้งที่ผ่านมา พ.ต.อ. ทวี ก็ยืนยันมาโดยตลอดว่าไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการทำคดีของดีเอสไอแม้แต่น้อย
ฟังจากคำชี้แจงของ พ.ต.อ. ทวี ประชาชนบางส่วนอาจจะรู้สึกสบายใจขึ้น แต่บางส่วนก็คงยิ่งจับจ้อง ไม่ต้องการให้คดี ‘ฮั้ว สว.’ มีการสะดุดหรือล่าช้า
หากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 เป็นไปตามปกติ มีการเลือก สว. กันอย่างถูกต้องบริสุทธิ์ ก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ในเมื่อมีภาพที่เต็มไปด้วยพิรุธและข้อกังขาอยู่ในสายตาประชาชนส่วนใหญ่ จึงกลายเป็นกระแสที่ต้องการความถูกต้องตรงไปตรงมาในคดีนี้อย่างถึงที่สุด